“ ORI ” อ้าแขนรับ อานิสงค์นโยบายกระตุ้นอสังหาฯ
บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ โดดรับสิทธิประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ของภาครัฐ ขานรับนโยบายเต็มเสียง เพราะ สินค้าหลักของออริจิ้นฯ เป็นโครงการราคาเฉลี่ย 1-3 ล้านบาท ทั้งนี้ได้จัด Promotion พิเศษเพิ่มแคมเปญ “อยู่เล็กอยู่ใหญ่ จ่ายเดือนละ1,000/ห้อง ยาวๆ 2 ปี” ให้กับลูกค้ารายใหม่ในช่วงนี้อีกด้วยด้านผู้บริหาร “ พีระพงศ์ จรูญเอก ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชี้ ORI รับผลเชิงบวก เตรียมขานรับยอดขายเพิ่ม หลังภาครัฐไฟเขียว ล่าสุดอัดโครงการพร้อมอยู่ในมือ กวาดอานิสงค์ในตลาด และแง้มข่าวดี เตรียมเปิดโครงการใหม่กรุงเทพฯ -โซนตะวันออก หนุนรายได้ปี 59 แตะระดับ 4,000 ล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการการเงินการคลัง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ธอส. ออกมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางที่มีรายได้สุทธิไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน มีวงเงินรวมเบื้องต้น 10,000 ล้านบาท รวมถึงมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ และห้องชุด จากเดิม 2% และ 1% ตามลำดับ เหลือ 0.01% เป็นเวลา 6 เดือน และยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อเนื่อง 5 ปีภาษีสำหรับรายได้ที่จ่ายไปเพื่อซื้อ อสังหาฯ มูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท นั้น ถือว่าส่งผลเชิงบวกต่อการเติบโตของ ORI เนื่องจาก สัดส่วนจำนวนโครงการของบริษัทฯกว่า 80% เป็นโครงการที่มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 1 – 3 ล้านบาท ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทได้รับประโยชน์โดยตรงจากมาตรการ
“จังหวะเหมาะไตรมาส 4 มี Backlog ถึงดิวโอนใหม่อีก 3 โครงการ 4 ตึกแล้วเสร็จ ได้แก่ โครงการ Pause Sukhumvit 107 A และ B มูลค่าโครงการรวม 390 ล้าน และ โครงการ Villa Lassalle Sukumvit 105 มูลค่าโครงการ 680 ล้าน ซึ่งครั้งนี้จะจัดการส่งมอบห้องชุดเป็นลักษณะกิจกรรมพิเศษ เตรียมทีมงานส่งมอบห้อง และช่างผู้ชำนาญการประจำ คอยรับเรื่องและแก้ไขงานทันที ซึ่งเป็นขบวนการใหม่ของ ออริจิ้นฯ เพื่อเพิ่มมาตราฐานในการให้บริการที่ดีกับลูกค้า พร้อมรับการส่งเสริมจากนโยบายภาครัฐที่ลดค่าโอนและค่าจดจำนองเหลือ 0.01% ซึ่งขณะนี้ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า” นายพีระพงศ์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) กล่าวเพิ่มว่า นอกจากโครงการ KnightsBridge ดิโอเชี่ยน ศรีราชา มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท ที่ทำการเปิดจองในเดือนตุลาคมนี้ บริษัทฯยังมีแผนเตรียมเปิดที่ดินแปลงใหม่ขึ้น Mega Project สร้างมิติใหม่ให้วงการอสังหาฯ ย่านชลบุรี – แหลมฉบัง – ศรีราชา ลักษณะ Mixed use Township ตอกย้ำความมั่นใจในการเข้า Blue Ocean ที่ยังไม่มีผู้ประกอบการอสังหาระดับมหาชนเข้าไปมากนัก ชี้ผลวิจัยเห็นศักยภาพต่อระยะสั้นและระยะยาว เชื่ออีกไม่เกิน 5 ปี แหลมฉบังยกสถานะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และบริษัทฯ ยังเตรียมขยายเปิดโครงการใหม่เพิ่มในพื้นที่ศักยภาพ บนย่านพหล– เกษตร (รถไฟฟ้าสีเขียวเข้ม) หลังจากที่บริษัทฯ ประสบความสำเร็จ จากการเปิดตัวโครงการ KnightsBridge สะพานใหม่ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งในปัจจุบันโครงการดังกล่าวมียอดพรีเซลเข้ามาแล้วกว่า 95% ดังนั้น บริษัทฯมั่นใจว่าการเติบโตของยอด Presale ปีนี้จะเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปี 2557 กว่า 100%