หน้าแรก > ข้อมูลองค์กร > เกี่ยวกับออริจิ้น > ความยั่งยืน > การจัดการด้านความยั่งยืนในมิติสังคม
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งมิติ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล เพื่อพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพและส่งมอบสินค้า และบริการที่ดีและตรงกับความต้องการของลูกค้าไปพร้อมกับการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้หลักบรรษัทภิบาล ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกฝ่าย
นโยบายและแนวปฏิบัติด้านสังคม บริษัทฯ มีนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน (ดูรายละเอียดที่เว็บไซต์บริษัท www.origin.co.th ) เนื่องจากบริษัทฯ คำนึงถึงความสำคัญของการให้คุณค่ากับอัตลักษณ์ของบุคลลแต่ละคน โดยมีการส่งเสริมและคุ้มครอบสิทธิเสรีภาพ ตลอดจนปฏิบัติต่อกันอย่างเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ และต่อต้านการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกกรณี ทั้งในด้านการจ้างงาน การจ่ายค่าตอบแทน การเลื่อนตำแหน่ง การฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานในรูปแบบต่าง ๆ โดยไม่แบ่งแยกความแตกต่างทางเพศ อายุ สถาบันการศึกษา เชื้อชาติ และศาสนา รวมทั้งสนับสนุนการจ้างงานแก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาส ได้แก่ ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้พ้นโทษ เพื่อสร้างโอกาส สร้างอาชีพ และรายได้ที่มั่นคง นอกจากนั้น เพื่อให้พนักงานและบุคลากรทุกคนเกิดความรู้สึกผูกพันเป็นครอบครัวเดียวกับองค์กร ในบริษัทได้กำหนดให้มีแผนพัฒนาความผูกพันของพนักงานเป็นประจำทุกปี
บริษัทฯ ยึดมั่น และให้ความสำคัญกับการเคารพต่อสิทธิมนุษยชนในทุกๆ ด้าน เนื่องจากบริษัทฯ คำนึงถึงความสำคัญของการให้คุณค่ากับอัตลักษณ์ของบุคลลแต่ละคน โดยมีการส่งเสริมและคุ้มครอบสิทธิเสรีภาพ ตลอดจนปฏิบัติต่อกันอย่างเสมอภาค และต่อต้านการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครงาน การสร้างจิตสำนึกให้กับพนักงานในการเคารพสิทธิมุนษยชนของเพื่อนร่วมงาน ไปจนถึงการไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานหลังจากพ้นสภาพการเป็นพนักงานไปแล้ว
บริษัทฯ มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นในด้านรายได้ และขนาดขององค์กร แต่ก็ไม่ละเลยที่จะคำนึงถึงความสำคัญของบุคลากร การปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเป็นธรรมในทุกๆด้าน เปิดโอกาสให้พนักงานสามารถแสดงความคิดเห็นโดยอิสระ ปราศจากการแทรกแซง มีการกำหนดแนวปฏิบัติการจ้างงาน การจ่ายค่าตอบแทน สวัสดิการ และสิทธิแรงงานอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม โดยกำหนดหลักการในการสรรหา คัดเลือกเพื่อว่าจ้างพนักงานอย่างเป็นธรรม
บริษัทฯ มีการว่าจ้างพนักงานโดยพิจารณาถึงคุณสมบัติที่เหมาะสมกับองค์กรและตำแหน่งงาน ภายใต้แนวคิดการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล ทั้งนี้บริษัทฯ สนับสนุนให้เกิดการจ้างงานอย่างเป็นธรรม โดยไม่เลือกปฏิบัติอันมีเหตุมาจากความแตกต่าง ด้วยการไม่กำหนดคุณสมบัติ ของผู้สมัครงานว่าจะเป็นเพศใด เชื้อชาติใด ศาสนาใด และไม่สนับสนุนการบังคับใช้แรงงาน (Forced Labor) ต่อต้านการใช้แรงงานเด็ก (Child Labor) และไม่ทำธุรกรรมใดๆ กับคู่ค้าหรือผู้ผลิตที่กระทำการดังกล่าว และเก็บข้อมูลเฉพาะบุคคลทุกอย่างในการสมัครงานเป็นความลับ
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน และพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานปัจจุบัน หรือพ้นสภาพการเป็นพนักงานไปแล้ว โดยการออกระเบียบและควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงและเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน รวมไปถึงการต้องได้รับความยินยอมจากพนักงานในการให้บริษัทเข้าถึงข้อมูลและความเป็นส่วนตัวต่างๆ ที่เป็นสิทธิส่วนบุคคลของพนักงาน
บริษัทฯ เคารพสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของพนักงาน ซึ่งครอบคลุมถึงการมีอิสระในการแสดงความเห็นโดยปราศจากการแทรกแซง การได้รับข้อมูลหรือความคิดเห็นผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งจัดให้มีช่องทางการสื่อสารเพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเสรี รวมทั้งการเลื่อนตำแหน่ง การมอบหมายงาน ซึ่งบริษัทฯ จะคัดเลือกด้วยความสามารถที่แท้จริง ไม่เลือกปฏิบัติอันมีเหตุมาจากความแตกต่างทางด้าน เพศ เชื้อชาติ ศาสนา ฐานะทางเศรษฐกิจ และสังคม
บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญต่อการป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการบริหารจัดการด้านทรัพยากรบุคคลเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนพึงจะได้รับอย่างเท่าเทียมกัน กล่าวคือบริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานและการปฏิบัติต่อพนักงานตามกฎหมายแรงงานอย่างเคร่ง รวมทั้งการพิจารณาในประเด็นต่างๆที่อาจจะส่งผลต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ เช่น การไม่มีข้อจำกัดในเรื่องเพศในการว่าจ้างพนักงาน โดยบริษัทฯ จะพิจารณาที่ความสามารถและความเหมาะสมของผู้สมัครงานเป็นหลัก เป็นต้น
ระดับของพนักงาน | ชาย (คน) | หญิง (คน) | รวม (ร้อยละ (%)) |
---|---|---|---|
Officer – Assistance Manager | 414 | 707 | 1121 (75%) |
Manager – Senior Manager | 108 | 129 | 237 (15%) |
AVP – VP | 48 | 40 | 88 (6%) |
SVP – CEO | 37 | 14 | 51 (4%) |
รวม | 607 | 890 | 1497 (100%) |
ช่วงอายุ | ชาย | หญิง | ||
---|---|---|---|---|
จำนวน | ร้อยละ (%) | จำนวน | ร้อยละ (%) | |
ต่ำกว่า 30 ปี | 261 | 43% | 525 | 59% |
อายุ 31 – 45 ปี | 271 | 45% | 334 | 37% |
อายุ 46 – 55 ปี | 69 | 11% | 28 | 3% |
อายุ 56 ปีขึ้นไป | 6 | 1% | 3 | 1% |
รวม | 607 | 100% | 890 | 100% |
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการส่งเงินสมทบตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในอัตราส่วน 100:1 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และให้คนพิการได้มีโอกาสใช้ความสามารถ มีรายได้ และพึ่งพาตนเองได้ และลดภาระของครอบครัวและสังคมที่ต้องให้การอุปการะเลี้ยงดูรวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้คนพิการเป็นพลังสำคัญในการเสริมสร้างทางเศรษฐกิจของครอบครัวและประเทศต่อไป
หมายเหตุ : บริษัทฯ ได้มีการส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตามระเบียบที่กฎหมายกำหนดในการจ้างงานคนพิการ จำนวน 12 คนและในปีนี้มีพนักงานลาออกจากงานโดยสมัครใจ (Turnover rate) จำนวน 846 คน คิดเป็นร้อยละ 56 โดยแยกเป็นพนักงานชายจำนวน 322 คน คิดเป็นร้อยละ 38 และเป็นพนักงานหญิงจำนวน 524 คน คิดเป็นร้อยละ 62
การกำหนดและบริหารค่าตอบแทน
บริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางการสร้างความผูกพันในองค์กร และรักษาพนักงาน เพื่อให้การดำเนินธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยการส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน รวมถึงการกำหนดโครงสร้างค่าตอบแทน และสวัสดิการที่สร้างแรงจูงใจต่อพนักงาน และมีการจ่ายผลตอบแทนในการทำงานที่เหมาะสมกับผลงานและความสามารถ โดยเริ่มต้นไม่ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนด รวมทั้งมีการกำหนดโครงสร้างเงินเดือนเพื่อให้สอดคล้องกับความรู้ความสามารถ และผลการปฏิบัติงานของพนักงานอีกด้วย ทั้งนี้ บริษัทฯ กำหนดให้มีการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราเงินเดือนประจำปีและโบนัสให้แก่พนักงานโดยพิจารณาจากผลการทำงานที่ใช้หลักการประเมินผลงานโดย KPI ประกอบกับผลประกอบการของบริษัท มาใช้เป็นเครื่องมือในการพิจารณาจากผลการปฏิบัติงานของพนักงาน หน่วยงานและผลประกอบการของบริษัทฯบริษัทฯ ได้มุ่งเน้นเรื่องสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน โดยเชื่อมั่นว่า “คน” คือทรัพยากรหลักที่สำคัญที่สุดในการพาองค์กรไปสู่เป้าหมายในด้านความยั่งยืน ดังนั้น บริษัทฯ จึงยึดมั่นในการพัฒนาศักยภาพของพนักงานในแต่ละกลุ่มงานให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความรู้และทักษะที่เกี่ยวข้องกับสายงาน เพื่อพนักงานได้ใช้ความรู้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มประสิทธิภาพ นำพาองค์กรบรรลุเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ เปิดโอกาสความก้าวหน้าในสายงาน และเติบโตไปพร้อมกับความสำเร็จขององค์กร นอกจากนี้ยังได้มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะด้านความสามารถเชิงสมรรถนะ (Soft Skill) ด้านต่าง ๆ ที่ช่วยพัฒนาพนักงานทั้งด้านการทำงานเป็นทีม การเข้าสังคม การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขและปลูกฝังทักษะการเป็นผู้นำที่ดีในอนาคตให้กับพนักงานอีกด้วย
ทั้งนี้ในปี 2566 บริษัทฯ จัดหลักสูตรอบรมพนักงานเพื่อเพิ่มทักษะและศักยภาพในการทำงานให้แก่พนักงานจำนวน 43 หลักสูตร รวม 26,946 ชั่วโมง โดยมีจำนวนชั่วโมงอบรมหรือกิจกรรมพัฒนาความรู้เฉลี่ยของพนักงาน 18 ชั่วโมงต่อคนต่อปี ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทฯ ได้ตั้งไว้ว่าจะพัฒนาบุคลากรให้ได้รับการพัฒนาศักยภาพ 16 ชั่วโมงต่อคนต่อปี
โดยในปี 2567 บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะพัฒนาบุคลากรให้ได้รับการพัฒนาศักยภาพเฉลี่ย 20 ชั่วโมงต่อคนต่อปี และมีหลักสูตรที่มุ่งพัฒนาความรู้ ทักษะในสายงานและวิชาชีพให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้พนักงานมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อความสำเร็จในงานตามที่องค์กรมุ่งหวังต่อไป
ตัวอย่างหลักสูตรฝึกอบรมพนักงาน ปี 2566
ประเภทการฝึกอบรม | ตัวอย่างหัวข้อหลักสูตร |
---|---|
1. หลักสูตรบังคับ |
|
2. หลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับด้านกฎหมายและข้อบังคับ |
|
3. หลักสูตรการพัฒนาผู้นำ |
|
4. หลักสูตร Soft skill |
|
5. หลักสูตรเฉพาะสาขาวิชาชีพ |
|
บริษัทฯ มีการบริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานขององค์กร อย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ โดยการกำหนดมาตรการในการป้องกันดูแลความปลอดภัยของพนักงานทุกคนในองค์กร และมีมาตรการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกให้กับพนักงานในการปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสถานการณ์ และสอดคล้องกับการดำเนินงานตามลักษณะการดำเนินตามลักษณะการดำเนินธุรกิจ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและผลกระทบต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและธุรกิจ เช่นป้องกันการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดจากการทำงาน รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายอันเกิดมาจากการหยุดชะงักจากการเกิดอุบัติเหตุในการทำงาน บริษัทฯ จึงมุ่งสร้างและให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานในด้านความปลอดภัยย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี เพื่อสร้างความเป็นอยู่ดีที่ให้กับพนักงานและผู้รับเหมา ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องให้ได้รับความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีในระหว่างการทำงาน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่ไม่มีอุบัติเหตุจากการทำงาน บริษัทฯ จึงได้มีการได้จัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน และมีนโยบายด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเพื่อเป็นกรอบการดำเนินงาน
การดูแลสุขภาวะและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงานของพนักงาน
บริษัทฯ กำหนดมาตรการในการป้องกันดูแลความปลอดภัยของพนักงานทุกคนในองค์กร และมีมาตรการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกให้กับพนักงานในการปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสถานการณ์ และสอดคล้องกับการดำเนินงานตามลักษณะการดำเนินตามลักษณะการดำเนินธุรกิจ เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบที่จะทำให้การทำงานหยุดชะงัก อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับสุขภาพ สุขภาวะที่ดีและความปลอดภัยของพนักงานในองค์กร โดยจัดให้มีกิจกรรมและประเมินสภาพแวดล้อมในการทำงานของพนักงานอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้พนักงานมีสภาพแวดล้อมที่ดีในระหว่างการทำงาน และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกๆด้าน พร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ พร้อมทั้งมีการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับพนักงานในการป้องกัน อาทิเช่น การตรวจสุขภาพประจำปี / การจัดทำประกันภัยกลุ่มของพนักงาน ประกอบด้วยประกันชีวิตและประกันสุขภาพ / สิทธิในการเบิกค่าทันตกรรมประจำปี
โดยในปี 2566 การเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยถึงขั้นเสียชีวิต = 0 ราย ซึ่งในปี 2567 บริษัท ฯ ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของพนักงาน 0 จำนวนพนักงานที่เสียชีวิตจากการทำงาน และ อัตราการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานจากการทำงานของพนักงาน
นอกจากเรื่องความปลอดภัยและการลดอุบัติเหตุในที่ทำงานแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับสุขภาพของพนักงานอีกด้วย โดยมีกิจกรรมผ่านโครงการต่างๆ ตัวอย่งเช่น โครงการคลินิกสุขภาพ นอกจากการตรวจสุขภาพประจำปี และสวัสดิการทางด้านสุขภาพแล้ว ทางบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญและดูแลสุขภาพของพนักงานในสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการทำงานหรือจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด หรือผลกระทบอันเกิดจากการทำงาน อาทิ ความเครียด หรือโรคระบาดที่เกิดขึ้น บริษัทฯจึงได้มีการจัดกิจกรรมดูแลพนักงานในด้านของสุขภาพเพิ่มเติม ดังนี้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการส่งเสริมสร้างความผูกพันของคนในองค์กร รักษาพนักงาน เพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการดูแลในส่วนของอาชีวอนามัย สภาพแวดล้อมที่ทำงาน ยังส่งเสริมในเรื่องให้พนักงานมีสุขภาพจิตใจที่ดีมีชีวิตความเป็นอยู่ดีที่ มีประสิทธิภาพพร้อมในการดำเนินงานต่างๆ จึงได้จัดให้มีสวัสดิการพื้นฐาน และสวัสดิการเพิ่มเติมให้กับพนักงาน อาทิ งานเลี้ยงไตรมาส งบประมาณการท่องเที่ยว การช่วยเหลือพนักงานในวาระต่างๆ การจัดงานเลี้ยงประจำปีบริษัท ทุนการศึกษา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญใส่ใจความรู้สึกของพนักงาน จึงได้มีการจัดทำแบบสอบถามประเมินความพึงพอใจของพนักงานในด้านความผูกพันต่อองค์กร เพื่อนำมาพัฒนา ปรับปรุง เพื่อให้เข้าใจความต้องการของพนักงานให้มากที่สุด เพื่อลดความขัดแย้งภายในองค์กร ก่อให้เกิดความสุขในการทำงาน เพราะเชื่อว่า หากพนักงานมีความสุข จะทำให้พนักงานอยู่ในองค์กรได้เป็นระยะเวลายาวนาน ลดปัญหาเรื่องการลาออก ทำให้เกิดความรักต่อองค์กรเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลจากการทำแบบสำรวจจะรายงานต่อผู้บริหารและพนักงานให้รับทราบร่วมกัน เพื่อนำไปพัฒนาวางแผน และจัดทำนโยบายที่สำคัญเพื่อนำมาพัฒนาองค์กรและยกระดับความผูกพันธ์ของพนักงานที่มีต่อองค์ให้เพิ่มมากขึ้น โดยในปีนี้ระดับความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร คิดเป็น 91% โดยบริษัทฯยังมีเป้าหมายปี 2567 ให้พนักงานมีความสุขและความผูกพันที่ดีต่อองค์กร มากกว่า 90%
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้กำหนดนโยบายมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและได้บังคับใช้กับพนักงานรวมทั้งผู้รับเหมาในงานต่างๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง พนักงานและแรงงานทุกคนสามารถปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม รวมถึงลดอุบัติภัย มิให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพและอนามัยของพนักงานและแรงงานผู้รับเหมา ด้วยเป้าหมายที่ต้องการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน เนื่องจากบริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในงาน และยังเป็นสิ่งที่ต้องกระทำเพื่อให้เกิดการทำงานที่ปลอดภัยที่ยั่งยืนอีกด้วย รวมถึงแทรกอยู่ในระบบความคิดของการทำงานเสมอ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพ ในการดูแลความปลอดภัยในการทำงานของพนักงานในสำนักงานและหน้างาน รวมทั้งจัดให้มีการปลูกฝังทัศนคติและความเข้าใจในการบริหารและดูแลงานความปลอดภัยให้กับพนักงานทุกระดับ เพื่อให้พนักงานทุกคนมีความรู้ความเข้าใจในการทำงาน และรับทราบถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมทั้งจากหน่วยงานของตนเองและหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน มีการกำหนดแนวทางที่ชัดเจนและสามารถปฏิบัติได้จริงเมื่อเกิดสถานการณ์ ฉุกเฉินหรืออันตราย มีการสื่อสารและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบาย และ แนวปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยได้มีการจัดประชุมด้านความปลอดภัยเป็นประจำทุกเดือน และมีการอบรมพนักงานใหม่ ก่อนเริ่มงานทุกครั้ง มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมความปลอดภัย เพื่อสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้กับคนงาน ผู้รับเหมาในโครงการ นำไปสู่ความร่วมมือในการควบคุม ดูแล และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด สร้างความมั่นใจว่าเมื่อเกิดอันตราย หรืออุบัติเหตุ
บริษัทฯ ดำเนินการจัดอบรม ฝึกซ้อมดับเพลิงเบื้องต้น ประจำโครงการก่อสร้าง โดยมีหัวข้อบรรยายในการอบรมและซ้อมกรรมวิธีในเรื่องแผนการดับเพลิงและวิธีการดับเพลิง แผนการอพยพหนีไฟและวิธีการอพยพหนีไฟ การค้นหาและการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น อีกทั้งยังมีการจัดการประชุม อบรมความปลอดภัยอาชีวอนามัย และจัดกิจกรรมการตรวจสอบการทำงานที่ไม่ปลอดภัย (Site Walk) ในทุกโครงการเป็นประจำสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยมีหัวข้อการอบรมในเรื่องกฎระเบียบ ข้อบังคับ ของโครงการ เช่น ความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง ความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร การจัดการกับฝุ่นภายในโครงการ/การเลือกใช้เครื่องมือ ความปลอดภัยการทำงานตัดเจียรเหล็ก/การสวมใส่ PPE ความปลอดภัยในการใช้นั่งร้านในการขึ้นไปทำงานแต่ละชั้น การทิ้งขยะและคัดแยกขยะภายในโครงการ ความปลอดภัยงานเชื่อมงานรื้อถอน และการทำงานเสียงดัง เสียงรบกวน ที่ก่อให้เกิดผลกระทบข้างเคียง เป็นต้น ในปีนี้ได้มีการอบรมทั้งหมด 10 โครงการ รวม 989 คน
จากการดำเนินงานด้านการสร้างมาตรฐาน และยกระดับการบริหารงานด้านความปลอดภัย และอาชีวอนามัยของผู้ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี พบว่า ใน 365 วัน บริษัทฯ ไม่พบกรณีพนักงานและแรงงานหยุดงานเกิน 3 วัน และ 7 วัน การหยุดงานเกินเป็น 0
บริษัทฯ มีเป้าหมายในการเป็นผู้นำทางด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจร โดยส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ทั้งในด้านทำเล ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทันสมัยใช้งานได้จริง มีความปลอดภัยและสะดวกสบายในการใช้ชีวิตในราคาที่คุ้มค่าและเข้าถึงได้ ซึ่งทำให้บริษัทฯให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าและบริการให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงความต้องการของลูกค้าและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ปัจจุบันบริษัทฯ ได้นำเสนอและส่งมอบสินค้าและบริการในรูปแบบที่มีความหลากหลายและโดดเด่นด้วยการออกแบบและการเลือกใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีความต้องการและไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน โดยเน้นการสร้างสังคมแห่งเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้พักอาศัยสามารถใช้ชีวิตสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่าง ๆ มาเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการการพักอาศัย และตอบโจทย์ได้อย่างครบวงจรในทุกช่วงเวลาของชีวิต ซึ่งในส่วนงานพัฒนาโครงการ ทางบริษัทฯ ได้มีการจัดตั้งทีมวิจัยเพื่อการพัฒนาที่เป็นเลิศ (Research for Excellent Development team : RED) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาทั้งทางด้านสินค้าและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบรับความต้องการของลูกค้า รวมถึงพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ทันต่อยุคสมัยปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์จากการประเมินข้อมูล วิเคราะห์ และพัฒนามาจากความต้องการของลูกค้าที่ได้มาจากการสัมภาษณ์ และทำแบบสอบถามเพื่อทราบถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง รวมถึงคอยอัพเดทข่าวสาร และเทรนด์ใหม่ๆอยู่เสมอ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งประกอบไปด้วยตัวแทนจากหลากฝ่าย
Door Mart บริการส่งของสำหรับลูกบ้านโครงการออริจิ้น
Application ผ่าน Line OA เพื่อมอบบริการให้แก่ลูกบ้าน Origin ในการซื้อของ ส่งของบริการที่มีชื่อว่า DoorMart ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านที่พักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของ ส่งของเช่นพัสดุ หรือ อาหารจาก Food Delivery Apps รวมถึงช่วยลดความแออัดของการใช้พื้นที่ส่วนกลางในช่วงเร่งด่วนและลดการใช้ไฟฟ้าจากการใช้ลิฟต์โดยสาร ซึ่งจากการกดลิฟท์ 1 ครั้ง จะเสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 5 – 10 บาท รวมถึงการรับขยะรีไซเคิลจากลูกบ้านเพื่อนำไปขายและจัดการอย่างถูกวิธี โดยการติดตั้งตู้ REFUN รับขวดน้ำพลาสติก ให้ทางลูกบ้านนำขวดพลาสติกมาแลก เป็นส่วนลด โดยบริการทั้งหมดนี้ได้นำร่องใน 7 โครงการ ในปี และจะขยายผลไปทั่วทุกโครงการที่อยู่อาศัยทั้งหมดภายในปี 2567
การออกแบบสวนแบบ ACTIVE SKY ZONE
บริษัทฯ ได้มีการนำปัจจัยในการสร้าง WELL-Being มาเป็นพื้นฐานในการออกแบบพื้นที่สวนส่วนกลาง เพื่อส่งเสริมให้ลูกบ้านมีสุขภาวะที่ดี เรียกว่าสวนแบบ Active Sky Zone ซึ่งเป็นสวนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบริษัทฯ ลูกบ้านสามารถมาออกกำลังหลังเลิกงานได้ทันที โดยที่ไม่ต้องออกไปหาสถานที่ออกกำลังกายที่ไกลจากที่พัก นอกจากนี้สวนนี้เป็นการออกแบบเพื่อสนับสนุน Physical well-being หรือการมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง โดยจัดสรรให้พื้นที่ส่วนกลางชั้นดาดฟ้าอาคารมีพื้นที่ลู่วิ่งและพื้นที่ออกกำลังกายที่หลากหลาย อาทิเช่นสนามบาส ซึ่งได้จัดพื้นที่ออกกำลังกายอย่างถูกต้อง โดยเรียงลำดับขั้นตอนในการ Exercise ทำให้การออกกำลังกายมีคุณภาพที่สุด ทั้งพื้นที่ Warm up zone ที่รองรับการยืดเส้น หรือออกกำลังเบาๆ สอดแทรกภายในสวนที่มีบรรยากาศร่มเงาต้นไม้ เสมือนเป็น Natural therapy zone ไปจนถึงลู่วิ่งครบรอบ ที่ช่วยให้กระตุ้น สร้างเสริมสุขภาพที่ดีแก่ผู้อยู่อาศัย โดยในปีนี้มีออกแบบพื้นที่ทำสวนแบบ ACTIVE SKY ZONE ทั้งหมด 10 โครงการในปี
ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศที่มีเทคโนโลยี nanoe™ X ให้กับทุกห้องชุดในโครงการ Pet Family
บริษัทฯ ใส่ใจลูกบ้านด้วยการติดตั้งเครื่อง nanoe™ X ในทุกห้องของโครงการ Pet Family เพื่อสุขอนามัยที่ดี เนื่องจากเครื่อง nanoe™ X ได้รับการรับรองว่าสามารถสามารถยับยั้งแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา สารก่อภูมิแพ้ ละอองเกสรดอกไม้ และสารอันตราย รวมถึงการกำจัดกลิ่น ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่าน มู่ลี่ พรม และเฟอร์นิเจอร์ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงสารมลพิษบนพื้นผิวที่แข็งและช่วยทำความสะอาดอากาศที่หายใจเข้าไปได้ อากาศที่สะอาดยิ่งขึ้นครอบครัวที่มีความสุขมากขึ้น และช่วยให้อากาศภายในห้องพักอาศัยมีคุณภาพอากาศให้ดีขึ้น
โดยบริษัทฯ มีการติดตั้งเครื่องเข้าไปในโครงการต้นแบบทั้งหมด 2 โครงการ ได้แก่ ดิ ออริจิ้น พหลโยธิน 57 และ ออริจิ้น เพลส พหลโยธิน 59 รวมจำนวน 369 ห้อง จากการเพิ่ม function ทำให้โครงการได้รับผลตอบรับจากทางลูกค้าทำให้ตัดสินใจเลือกซื้อโครงการเพิ่มมากขึ้น
บริษัทฯ ได้เปิดโอกาสให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็น แนะนำ รวมถึงมีช่องทางการร้องเรียนต่างๆ ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ Call Center : 1498 , www.origin.co.th , FB : Origin Property เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ ปรับปรุงและพัฒนาให้ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และการให้บริการ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าและสร้างความพึงพอใจในการให้บริการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ในปี 2566 ทางบริษัทได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการให้บริการและคุณภาพของสินค้าทุก touch point โดยทุก ๆการให้บริการจะมีการให้ลูกบ้านประเมินความพึงพอใจ เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ ปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ผ่านการทำแบบสอบถาม สัมภาษณ์ โทรสอบถาม รวมถึงเข้าไปอยู่อาศัยในโครงการจริง เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านมากยิ่งขึ้นทั้งโครงการในปัจจุบันและอนาคต
ประเมิน CSAT Homecare ด้านคุณภาพงานซ่อมและคุณภาพการให้บริการแก่ลูกบ้านในโครงการ
บริษัทฯได้มีจัดทำการประเมิน CSAT Homecare การทำงานของบุคลากรในด้านคุณภาพงานซ่อมและคุณภาพการให้บริการแก่ลูกบ้านในโครงการ โดยประเมินทั้งแบบรายบุคคล และรายโครงการ ผ่านทาง Application และ Call center (กรณีนานเกิน 3 วัน หากลูกบ้านไม่ประเมินผ่าน Application ข้อมูลจะเข้าระบบ Homecare System เพื่อให้ Call Center ทำการโทรประเมินความพึงพอใจ) วัตถุประสงค์เพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการเพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด โดยผลลัพธ์ที่ได้คือ ลูกบ้านมีความพึงพอใจต่อการให้บริการของทางเจ้าหน้าที่ ถึง 85.4 % และ feedback ที่ได้หลังการสอบถาม ทางบริษัทฯ ได้มีการจัดการประชุมเพื่อแจ้งผลการประเมินแก่พนักงานทุกท่าน เพื่อให้นำไปพัฒนาปรับปรุงกระบวนการทำงานของตนเองต่อไป รวมถึงวางแผนอบรมเพื่อพัฒนาการให้บริการให้แก่พนักงาน โดยแบ่งเป็น 3 หัวข้อหลัก คือ
Trial Stay
โครงการลงสำรวจเก็บข้อมูลด้านการพักอาศัยและการออกแบบเพื่อการอยู่อาศัยจริงของลูกบ้านโดยการเข้าไปทดลองใช้ชีวิตและพูดคุยกับลูกบ้านที่อยู่อาศัยจริงในโครงการ เพื่อนำ feedback มาปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทั้งโครงการปัจจุบันและโครงการในอนาคต โดยเป้าหมายนำร่องโครงการแบรนด์ Park จำนวนทั้งสิ้น 3 โครงการ คือ Park Origin Sukhumvit 24 , Park Origin Phayathai, Park Origin Thonglor ซึ่งจากผลการสำรวจที่ได้นำมาใช้ในการพัฒนาโครงการทั้งในการด้านการออกแบบและการใช้งานที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด
นอกจากการสอบถามเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคตแล้ว ทางบริษัทฯยังให้ความสำคัญกับโครงการที่เข้าอยู่แล้ว โดยมีการรับฟังความคิดเห็นจากทางลูกบ้านอย่างสม่ำเสมอผ่านทางนิติบุคคลโครงการเป็นประจำทุกเดือน แล้วนำข้อมูลนั้นมาพัฒนาและปรับปรุงตามข้อมูลที่ได้รับจากลูกบ้าน เพื่อช่วยเหลือและพัฒนาโครงการให้ลูกบ้านอยู่อย่างมีความสุขและสะดวกสบาย
จากการที่บริษัทฯ ได้มีช่องทางในการเข้าถึงลูกบ้านและลูกค้าที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทำให้มีการพัฒนาและแก้ไขอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ และมีจริยธรรม พบว่า สัดส่วนการแสดงความคิดเห็นและข้อร้องเรียนทางระบบ Call Center มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวนรวมทั้งสิ้น 141 ครั้ง แบ่งเป็นได้รับการชมเชยในเรื่องการบริการของเจ้าหน้าที่ จำนวน 71 ครั้ง และมีข้อร้องเรียนจากลูกค้ารวมทั้งหมด 70 ครั้ง ซึ่งข้อร้องเรียนดังกล่าวบริษัทฯดำเนินการจัดการข้อร้องเรียนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย
ปี | 2562 | 2563 | 2564 | 2565 | 2566 |
---|---|---|---|---|---|
ชมเชย/ครั้ง | 266 | 169 | 108 | 50 | 71 |
ร้องเรียน/ครั้ง | 148 | 91 | 52 | 32 | 70 |
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีวิธีการวัดความพึงพอใจของลูกค้าในรูปแบบ End Call Survey โดยเมื่อลูกค้าติดต่อผ่านช่องทาง Call Center และก่อนวางสายการให้บริการพนักงานจะต้องโอนสายสนทนาเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ (Interactive Voice Response) เพื่อประเมินคะแนนความพึงพอใจก่อนวางสาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงคุณภาพการให้บริการของพนักงาน ซึ่งปี 2566 ที่ผ่านมามีจำนวนการโอนลูกค้าเข้าระบบเพื่อประเมินความพึงพอใจรวมทั้งหมด 5,541 ครั้ง ได้คะแนนเฉลี่ย 4.8 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน คิดเป็นเปอร์เซ็นความพึงพอใจโดยรวม 96% และในปี 2567 จะมีการกำหนดเป้าหมายของจำนวนการโอนสายเข้าระบบประเมินความพึงใจให้ได้ร้อยละ 60% ของสายทั้งหมดที่ลูกค้าติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการ
บริษัทฯ ยังได้เตรียมวิธีการบริหารจัดการเพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันไม่ให้ข้อร้องเรียนเดิมเกิดขึ้นซ้ำ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า โดยมีกำหนดระยะเวลาในการบริหารจัดการข้อร้องเรียน ดังนี้
บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้ความถูกต้องตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนหลักคุณธรรมและหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี พร้อมทั้งดูแลสิทธิตามที่กฎหมายกำหนดของผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ (Stakeholders) และประสานประโยชน์ร่วมกันอย่างเหมาะสม โดยบริษัทฯเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานอย่างถูกต้อง โปร่งใส ยุติธรรม เป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการเป็นบริษัทที่เติบโตอย่างยั่งยืน และเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนบริษัทฯจึงได้กำหนดแนวทางดำเนินการ ในเรื่องต่างๆ ดังนี้
ภายในองค์กร
การดูแลพนักงานให้มีสุขภาพร่างกาย และจิตใจที่ดี โดยมีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสม พัฒนาความรู้และทักษะของพนักงานทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ ยึดหลักการเคารพสิทธิมนุษยชนและความเป็นปัจเจกชนของพนักงาน และส่งเสริมให้พนักงานมีจิตสาธารณะและมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม สังคม เยาวชนและผู้ด้อยโอกาส พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้มีความรู้ความสามารถ และมีคุณสมบัติที่เหมาะสมได้มีโอกาสเข้าร่วมทำงานกับบริษัทฯ โดยปราศจากอคติด้านเชื้อชาติ ศาสนา เพศ และอายุ
ภายนอกองค์กร
บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อคู่ค้า พันธมิตร ด้านลิขสิทธิ์ทางปัญญาและเจ้าหนี้สถาบันการเงิน โดยด้านพันธมิตรและคู่ค้า มีการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นธรรม ชัดเจน โปร่งใส โดยคัดเลือกผู้รับเหมาด้วยความเท่าเทียม เปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน อย่างเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติหรือเอนเอียงเพราะความแตกต่างทางร่างกาย จิตใจ เชื้อชาติ ศาสนา เพศ อายุ การศึกษา รวมทั้ง ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่ถือเป็นความลับในทางธุรกิจ อาทิเช่น เงื่อนไข ราคา ให้กับทางคู่ค้าของบริษัทฯ ด้านเจ้าหนี้สถาบันการเงินมีการให้ความซื่อสัตย์ในการชำระเงินตรงตามเวลาที่ตกลงตามสัญญา ด้านทรัพย์สินทางปัญญาหรือลิขสิทธิ์ บริษัทฯ มีนโยบายให้ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์แบบถูกลิขสิทธิ์เท่านั้น และรูปภาพที่เผยแพร่ในสื่อต่างๆ อาทิ อินเตอร์เน็ต ป้ายโฆษณา โบรชัวร์ เป็นภาพที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย หรือได้รับการอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์แล้วทั้งสิ้น
ในปี 2566 บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับชุมชน ผ่านกิจกรรมร่วมกับชุมชนในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน และให้เกิดการผลักดันโอกาสในการพัฒนาสังคมให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
ออริจิ้น สร้างโอกาส สร้างอนาคต
บริษัทฯ สนับสนุนและมอบโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี และใส่ใจคุณภาพชีวิตครอบครัวพนักงานและพันธมิตร ซึ่งดำเนินกิจกรรมต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 มีบุตรพนักงานและพันธมิตรได้รับมอบทุนกว่า 120 ท่าน รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 600,000 บาท (ทุนการศึกษาละ 5,000 บาท) แบ่งเป็น บุตรพนักงานจำนวน 45 ทุน และบุตรพันธมิตร 8 บริษัท 75 ทุน
Origin Give สร้างงาน สร้างอาชีพ
สร้างรายได้ให้กลุ่มแม่บ้านชุมชนกิ่งแก้วอย่างต่อเนื่อง จากปีที่ผ่านมาโดยการพัฒนาต่อยอดโครงการตัดเย็บชุดของพนักงานขายประจำโครงการ ตัดเย็บผ้ากันเปื้อนสำหรับชุดแม่บ้านประจำสำนักงานใหญ่รวมถึงบริษัทฯ ในเครือ ทางบริษัทฯยังได้มีการพัฒนาทักษะด้านการตัดเย็บอีกระดับเพื่อให้ชุมชนมีรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยการให้ความรู้และเข้าแนะนำการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กับคนในชุมชน เพื่อเป็นอีกหนึ่งอาชีพและเพิ่มรายได้ ด้วยการทำงานฝีมือเริ่มจากเครื่องประดับตกแต่งผมที่ออกแบบขึ้นใหม่อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งจากการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ส่งผลทำให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มรวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 174,113.00 บาท จากทางบริษัทฯ
Origin Give : Share To Change แบ่งปันเพื่อเปลี่ยนแปลง
ส่งเสริมให้คนในชุมชนมีงานทำ มีรายได้เพิ่มมากขึ้น และลดอัตราการว่างงานในชุมชน ในปี 2566 บริษัทฯ ได้ส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนในชุมชนสายลวด ด้วยการฝึกอบรมเสริมทักษะทางด้านการบริการ ด้านความรู้ในการทำงาน ด้านบุคลิกภาพ และด้านทัศนคติที่ดีต่อองค์กรให้กับคนในชุมชน โดยบริษัทฯ ได้มีการจัดจ้างพนักงานแม่บ้านจากชุมชนสายลวด จำนวน 7 คน เข้าปฏิบัติงาน เพื่อเป็นการสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้กับชุมชน รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,033,200 บาท ต่อปี โครงการดังกล่าวช่วยให้ บริษัทฯ ได้จัดจ้างพนักงานเข้ามาปฏิบัติงานในส่วนงานต่าง ๆ ทดแทนหรือเพิ่มเติมในอัตราที่ว่างอยู่ อีกทั้งบุคลากรที่จัดจ้างเข้ามามีการรับรองคุณภาพ โดยผ่านการอบรมหลักสูตรที่เหมาะสมและจัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาคุณภาพบุคลากรโดยตรง
Origin Give สานฝันพัฒนาโรงเรียนเพื่อน้อง
บริษัทฯ ร่วมมือกับทางพันธมิตร และคู่ค้า ร่วมสร้างสรรค์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งด้านการศึกษา สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการศึกษาและความเป็นอยู่ของเด็กเยาวชน อันเป็นกำลังหลักสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต รวมถึงมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาปรับปรุงโรงเรียน ภูมิทัศน์ ซึ่งเป็นเสมือนบ้านหลังที่สองของเด็กและเยาวชนให้สวยงามและปลอดภัย เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริง ทำให้นักเรียนทุกคนตั้งใจเรียน และเติบโตไปเป็นกำลังหลักสำคัญของประเทศชาติต่อไป โดยในปี 2566 ทางบริษัทฯและพันธมิตร ร่วมพัฒนาโรงเรียนที่อยู่ในระแวกโครงการก่อสร้าง ทั้งสิ้น จำนวน 3 โรงเรียน ได้แก่
โครงการช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้
ออริจิ้น มอบเงินให้แก่โรงพยาบาล 2 แห่ง เพื่อสมทบกองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ ได้แก่ กองทุนวิจัยยารักษาโรคมะเร็งจุฬาฯ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 1,000,000 บาท และสมทบกองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ มูลนิธิรามาธิบดี จำนวน 1,000,000 บาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม ให้ผู้ป่วยยากไร้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที โดยการบริจาคเงินครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ORIGIN GIVE” โครงการกิจกรรมเพื่อสังคม ที่ร่วมสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
สำนักงานใหญ่
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
ชั้น 20 อาคารภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค เลขที่ 4345 ถนนสุขุมวิท
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260