19 August 2021

แชร์

Variety of decoration style 5 สไตล์การตกแต่งคอนโดที่หลากหลาย และเป็นที่นิยมกันของคนที่มีรสนิยม

สำหรับคอนโดมิเนียมในประเทศไทยแล้วนั้น ห้องส่วนใหญ่ที่ขายจะมาในรูปแบบ Fully Furnish & Fully Fitted ซึ่งจะถือว่าเป็นรูปแบบมาตรฐานสำหรับทุกๆ คน และยังเปิดโอกาสให้เจ้าของห้อง สามารถออกแบบและตกแต่งห้องของตัวเองไปในสไตล์ต่างๆได้มากกมายซึ่งไม่ว่าจะเป็นเหตุผลเพื่อการปล่อยเช่า หรือการอยู่อาศัยเองก็นับเป็นวิธีที่จะทำให้มูลค่าของห้องนั้นสูง และน่าดึงดูดยิ่งขึ้นแต่สไตล์การแต่งห้องนั้นก็ใช่ว่า 1 รูปแบบนั้นจะเหมาะสมกับผู้เช่าและผู้ซื้อในทุกๆคน การแต่งห้องจึงจำเป็นต้องศึกษากลุ่มลูกค้า กลุ่มไลฟ์สไตล์ต่างๆให้เหมาะสม

ตัวอย่างเช่น คอนโดตั้งอยู่ในบริเวณ CBD (Central Business District หรือศูนย์กลางของเมือง ย่านธุรกิจกลางเมือง) กลุ่มเป้าหมาย อาจจะเป็นคนที่ทำงานตำแหน่งสูงหรือชาวต่างชาติที่ย้ายเข้ามา ซึ่งอาจจะมีความต้องการห้องแบบโมเดิร์น หรูหร่า พักผ่อนได้สบาย

ซึ่งสำหรับในสไตล์การ แต่งห้องคอนโด แบบอื่นๆ ก็สามารถแยกเป็นแต่ละประเภทเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น

1. MINIMALIST STYLE

มาจากนิยาม “น้อยคือมาก” (less is more) คือ เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ชัดเจน แต่ฟังก์ชั่นมากด้วยประโยชน์ และเลือกเฉพาะความต้องการที่จำเป็นเท่านั้น

โดยเอกลักษณ์ในการตกแต่งสไตล์มินิมอลนั้น มักจะมีโทนสีแบบโมโนโทนหรือสีอ่อนๆ โทนสียอดนิยมใช้กันแพร่หลายคือสี ขาว เทา ดำรวมถึงสีดั้งเดิมของวัสดุ และสีของพื้นแบบเดิมหรือเรียกง่ายๆว่า ”สัจจะวัสดุ”

2. LOFT STYLE

คือการตกแต่งที่เน้นโชว์โครงสร้างเดิมของห้องเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเสา กำแพงที่ไม่ต้องทำการฉาบเรียบ คานเหนือฝ้า ท่อเหล็ก ท่อระบบต่างๆ หรือสายไฟฟ้าที่โผล่พ้นออกมาให้เห็น

การแต่งห้องสไตล์นี้เหมาะสำหรับการพักผ่อน คือ ไม่ต้องตกแต่งเยอะเกินความจำเป็น แต่เน้นความ Loft แค่บางจุดสำคัญเท่านั้น เช่น กำแพงและพื้นปูนเปลือยหรือปูนขัดมันและสุดท้ายคุมโทนสีของเฟอรืนิเจอร์ลอยตัวต่างๆ ในห้องในโทนสีขาว เทา ดำ เท่านั้นเอง

3. MULTI- FUNCTION STYLE

คือ การเลือกเฟอร์นิเจอร์แบบสไตล์มัลติฟังก์ชั่นในพื้นที่การใช้งานเดียวกันมาเป็นตัวช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้น รวมไปถึงเป็นการประหยัดพื้นที่ เพื่อให้ได้พื้นที่ว่างกลับมา เช่น การใช้ฐานเตียงที่มีพื้นที่เก็บของต่างๆในรูปแบบลิ้นชัก รวมไปถึงการใช้เฟอร์นิเจอร์ในรูปแบบ Walk in Closet ที่รวมพื้นที่แต่งหน้า แต่งตัว เก็บของไว้ด้วยกัน

4. LUXURY STYLE

คือการตกแต่งโดดเด่นด้วย Element สถาปัตยกรรมในบางมิติและผสานการตกแต่งด้วยสไตล์หลุยส์ ทำให้ทุกมุมภายห้อง ดูหรูหราและอลังการ ไม่ว่าจะเป็นกรอบรูปภาพ บัวพื้น วงกบ โคมไฟ และลวดลายต่างๆ ตั้งแต่ผนังตลอดจนเพดาน

โดยสไตล์ Luxury นั้นได้มีการประยุกต์มาจากการตกแต่งสไตล์ Modern แต่เดิม ซึ่งการตกแต่งโมเดิร์นในแบบเดิมนั้นจะเน้นอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่มีความจำเป็น ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปจากตัวบ้าน เน้นการตกแต่งโดยคำนึงถึงการใช้สอยเป็นหลัก ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ความหรูหรามากเกินไป จะเน้นความคล่องตัวเสียมากกว่า

ซึ่งสไตล์ Luxury ยังนิยมใช้วัสดุจากหินอ่อนที่เป็ยสัญลักษณ์ของความหรูหรา โดยสามารถใช้ไม้เข้ามาผสมผสาน ในขณะที่ห้องแบบโมเดิร์นทั่วไปนั้น จะเน้นวัสดุที่ทำจากไม้หรือพลาสติกเพื่อเน้นเพื่อใช้งานเพียงอย่างเดียว แต่การตกแต่งบ้านแบบ Luxury นั้นมีความหลากหลายมากในเรื่องของวัสดุตกแต่งซึ่งให้เราเลือกแต่งได้ตามความพอใจในแต่ละบุคคล

5. JAPANESE STYLE

คือ การจัดพื้นที่หนึ่งให้สามารถใช้งานได้อย่างครบครันในทุกมิติในพื้นที่นั้นๆ โดยจะเน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Built in ที่ฝังเข้าไปในภายในผนัง เพื่อเป็นพื้นที่ในการเก็บของและการตกแต่งต่างๆ

ซึ่งการใช้ Built in จะใช้พื้นที่มาก คงเหลือไว้ซึ่งพื้นที่ไว้ใช้งานได้ดีและเปลี่ยนจากตู้เสื้อผ้าที่ใหญ่เทอะทะ ให้กลายมาเป็นราวแขวนผ้าและช่องสำหรับเก็บของแทน

ส่วนโต๊ะกินข้าวในสไตล์ญี่ปุ่นจะมาแบบโต๊ะขนาดเล็กที่พับเก็บได้ รวมไปถึงในเรื่องการเลือกประตูบานเลื่อนแบบประตูไม้ที่ให้กลิ่นอายของการตกแต่งแบบญี่ปุ่นแท้และช่วยทำให้ประหยัดพื้นที่ได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยจัดสัดส่วนของห้องนอนให้ถูกแยกออกเป็นพื้นที่ส่วนตัวได้อย่างชัดเจน โดยที่ห้องจะดูไม่แคบจนเกินไปอีกด้วย

ถึงแแม้ว่าการตกแต่งสไตล์นี้จะมีความใกล้เคียงกับสไตล์มินิมอล แต่จะให้เอกลักษณ์ของความรู้สึกกลิ่นอายของญี่ปุ่นที่ชัดเจนกว่าโดยเฉพาะการใช้โทนสีที่จะเลือกใช้โทนสีไม้อ่อนโทนสีสไตล์เอิร์ธโทนแบบบางๆ เพื่อให้ได้ความอบอุ่น และโทนสีขาวนวล