คอนโดสไตล์อังกฤษ ลาซาล
ใกล้ BTS แบริ่ง Notting Hill Sukhumvit 105
คอนโดสไตล์อังกฤษ ลาซาล – ถ้าพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจตอนนี้ หลายคนคงส่ายหน้าหนี หรือไม่ก็ไม่อยากจะนึกถึงเลยทีเดียว หันไปทางไหน มีแต่ของราคาสูงขึ้น โหยหาความคุ้มค่าในราคาประหยัดมากขึ้น ไม่ต่างกับการเลือกซื้อคอนโดลาซาลในสมัยนี้ หากอยากได้คอนโดทำเลดีแถมราคาดีด้วย คงเป็นเรื่องยากมาก แต่โครงการใหม่ของ Origin อย่างโครงการ Notting Hill Sukhumvit 105 ถือได้ว่าตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดีทีเดียวค่ะ
Project Concept:
ตอบโจทย์การพักผ่อนและอยู่อาศัยอย่างแท้จริง สะดวกสบาย ตอบรับชีวิตคนเมือง 24 ชั่วโมง พร้อมสัมผัสกลิ่นอายลอนดอน ด้วยการตกแต่งสไตล์ British Loft มาพร้อมความสนุกเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ด้วย 105 Clubhouse และพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ มอบความสมบูรณ์แบบที่ลงตัว
การออกแบบ:
ต้องยอมรับเรื่องการดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ซึ่งหายากมากๆกับคอนโดราคาประมาณนี้ มีการออกแบบอาคารและส่วนกลางที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง แตกต่างกับเจ้าอื่นๆในละแวกนั้น ด้วยการออกแบบ สไตล์ British Loft กลิ่นอายลอนดอน เรียกได้ว่ามีเสน่ห์มากกับสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์นคลาสสิค ผสมผสานร่วมสมัย สีสันเรียบง่าย แต่แฝงด้วยลูกเล่นต่างๆ มีเอกลักษณ์มากค่ะ
ทำเล:
ด้านทำเลก็ไม่แพ้ใคร ถือว่าตอบโจทย์คนทำงาน ทั้งนอกเมืองและในเมือง หรือย่าน CBD แต่ไม่ได้มีงบประมาณซื้อคอนโดแพงๆ กลางเมือง ก็แนะนำที่นี่เลยค่ะ เพราะเดินทางสะดวกสบายด้วย BTS พุ่งตรงไปเพียงต่อเดียวเท่านั้น และคาดว่าจะเป็นทำเลทองเพิ่มมูลค่าให้ในอนาคตของนักลงทุนแน่นอน เพราะฝั่งที่เลยไปจากสถานีแบริ่ง กำลังจะมีส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ
และอย่างที่แอดมินเล่าไปข้างต้น เรื่องใช้ชีวิต 24 ชั่วโมงนั้น ก็เพราะบริเวณรอบด้านตัวคอนโดมีทั้ง Convenience Store ไม่ว่าจะเป็น 7-11 ,Tesco lotus , FamilyMart และซอยตรงข้ามเต็มไปด้วยร้านอาหารอีกมากมาย เปิดสลับกันทั้งกลางวันและกลางคืน แต่หากใครชอบไพรเวทโซน ก็หมดห่วงเรื่องเสียงดังไปได้เลย เพราะไม่ได้ติดกับตัวอาคาร ยังมีพื้นที่ของคอนโดขั้นไว้ เติมเต็มชีวิตได้แต่ไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวแน่นอนค่ะ
Product Information:
ขนาดที่ดิน : 8-0-40 ไร่
โครงการตั้งอยู่ในเขต : ซ.สุขุมวิท 105 (ลาซาล), บางนา
ลักษณะโครงการ : คอนโด Low Rise 8 ชั้น 6 อาคาร 1,113 ยูนิต และ Clubhouse 3 ชั้น 1 อาคาร
จำนวนยูนิต : รวม 1,113 ยูนิต ยูนิตพักอาศัย แบ่งเป็นอาคาร A,B 210 ยูนิต, อาคาร C,D 154 ยูนิต, อาคาร E 196 ยูนิต, อาคาร F 189 ยูนิต
จำนวนที่จอดรถ : ประมาณ 35% (รวมจอดซ้อนคัน)
ประเภทห้องและขนาดห้อง :
- Type A ขนาด 50 ตารางเมตร
- Type B ขนาด 50 ตารางเมตร
- Type C ขนาด 50 ตารางเมตร
- Type D ขนาด 33 ตารางเมตร
- Type E ขนาด 34 ตารางเมตร
- Type F ขนาด 50 ตารางเมตร
- Type G ขนาด 50 ตารางเมตร
Floor Plan :
โครงการมีอาคารอยู่อาศัยทั้งหมด 6 อาคาร (A,B,C,D,F) + Clubhouse 1 อาคาร พร้อมพื้นที่ส่วนกลางยาวตลอดสุดอาคาร
Facilities :
มาดูในส่วนของส่วนกลางของโครงการกันบ้างค่ะ จุดเด่นเลย คือเค้าให้พื้นที่ส่วนกลางที่กว้างมาก ถึงขนาดแยกออกมาเป็นอีกอาคารนอกพื้นที่อาคารพักอาศัย เป็นอาคาร Clubhouse 3 ชั้น ถือได้ว่าจุดนี้เป็น Main Facility ของโครงการ และยังมีจุดอื่นๆตั้งแต่อาคาร A ยาวไปจนสุดถึง อาคาร F เลยทีเดียว โดยทางโครงการได้จัดพื้นที่ให้ดูกว้างไม่อึดอัด ทั้งสวนตรงกลางของโครงการ ที่มียาวสุดถึงด้านใน และสระน้ำ 2 สระ สำหรับลูกบ้านทั้งอาคารด้านในและด้านนอก สะดวกสบายและไพรเวทสุดๆค่ะ
มาถึง Clubhouse 3 ชั้น ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค มีทั้งบาร์สำหรับนั่งคุย นั่งทำงาน นัดเพื่อนมาคอนโดก็ได้ ตรงนี้เหมาะสุดๆ และยังมีในส่วนของ Pool Table, Football Table อยู่ในนี้ด้วย เน้นการใช้งานแบบ Social Club ใช้งานในพื้นที่ที่ต่อเนื่องกัน ไม่แบ่งเป็นห้องๆ เหมาะสำหรับสังคมพบปะเพื่อน ที่อาศัยในโครงการ ง่ายต่อการเกิด community ได้เลยค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกับ Fitness กว้างขวาง อุปกรณ์ครบครัน แถมมีเทรนเนอร์คอยให้คำปรึกษาด้วยนะคะ เรียกได้ว่า ไม่ต้องไปที่อื่นกันแล้ว ที่เดียวจบทุกสิ่ง
ถัดมาที่ชั้น 3 จะเจอกับสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 6 x 20 ม.และมีระเบียงให้นั่งรอบๆสระซึ่งเปิดมุมมองเข้าไปด้านในโครงการที่เป็นพื้นที่สวนระหว่างอาคารทั้ง 2 ฝั่ง เหมาะมากสำหรับการพักผ่อน
ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะแต่ละอาคารยังมีสวนกลางอาคารตลอดทาง สำหรับพักผ่อน Co-Working Space + Free Wifi สำหรับชิลล์ๆกับการทำงาน พร้อมทั้งด้านบนอาคารยังมีดาดฟ้า Roof top Garden แยกแต่ละอาคาร ถึงอาคารจะมีถึง 6 อาคาร แต่ทางโครงการออกแบบจัดสรรให้อยู่แบบไม่อึดอัดยังคงความเป็นส่วนตัว
Unit Recommended:
มาถึง Unit Recommended ที่แอดมินเลือกมาให้ เป็น 3 ยูนิตพิเศษ ซึ่งเป็นห้องที่เหมาะสำหรับผู้อยู่อาศัยและการลงทุนในระยะยาว เรียกได้ว่าดีและคุ้มค่าแน่นอนค่ะ
ห้องที่ 1 : ชั้น 8 ห้อง A803 (ทิศตะวันตก) ขนาดห้อง 25.5 ตร.ม. ราคา 2.19 ล้านบาท
เริ่มจากห้องแรกที่แอดมินขอ Recommend! เป็นห้อง Type A – 1 Bedroom ขนาด 25.5 ตร.ม.
เหตุผลที่ให้ห้องนี้เป็น Unit Recommended เพราะด้วยงบประมาณที่ไม่สูงนัก แต่ได้อยู่ห้องชั้น 8 ก็ถือว่าคุ้มอยู่พอควรแล้ว และจุดเด่นของห้องนี้คือ ถึงจะมีขนาดเพียง 25.5 ตร.ม. แต่ทางโครงการได้ออกแบบจัดฟังก์ชั่น ทั้งโซนสำหรับการพักผ่อน และการใช้งานได้เป็นอย่างดี แยกชัดเจนทั้งห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ดูเป็นสัดส่วน เลยทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ห้อง 30 ตร.ม. ดูกว้างขวาง ไม่อึดอัดค่ะ
ข้อดี
- ราคาคุ้มค่ามาก เมื่อเทียบกับที่ห้องนี้อยู่ที่ชั้น 8 ทำให้ไม่มีเสียงดังรบกวน และเหมาะสำหรับคนที่ชอบดูวิวชิลล์ๆริมระเบียง เพราะห้องนี้จะเห็นวิวภาพกว้าง ไม่โดนบล็อกวิว และไม่มีตึกบัง
- ด้วยความที่ห้องนี้อยู่ทิศตะวันตก จึงทำให้มีแสงแดดส่องเข้ามาในห้องทุกวัน หนีปัญหาเรื่องห้องอับได้อย่างดี เพราะเราสามารถเปิดม่านให้แดดเข้ามา ในเวลาที่ไม่อยู่ห้อง เพื่อช่วยระบายอากาศ ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในห้องได้ค่ะ
ข้อเสีย
- เนื่องจากเป็นห้องที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก จึงทำให้มีแดดส่องตลอดยามบ่าย แต่ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับคนทำงาน ที่ช่วงบ่ายไม่อยู่ห้อง เพราะเลิกงานกลับมาที่ห้องก็เย็นสบายแล้วค่ะ แต่หากอยู่ห้องตลอดทั้งวัน แนะนำเตรียมติดฟิล์มกันแดด และติดม่านไว้เลยค่ะ
ห้องที่ 2 : ชั้น 6 ห้อง B606 (ทิศตะวันออก) ขนาดห้อง 25.5 ตร.ม. ราคา :1.99 ล้านบาท
ห้องที่ 2 ที่แอดมินขอ Recommend เป็นห้อง Type A – 1 Bedroom ขนาด 25.5 ตร.ม. เช่นกัน ส่วนเหตุผลในการ Recommend ห้องนี้ คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพียงแค่เห็นราคาโปรโมชั่นอยู่ก็คงร้องว้าวกันแล้ว เพราะห้องนี้อยู่ชั้น 6 แต่ราคาเพียง 1.99 เท่านั้น!!! ฟังไม่ผิดค่ะ ราคาเท่านี้จริงๆ ซึ่งเป็นราคาโปรโมชั่นในตอนนี้เท่านั้น
ข้อดี
- ราคาโปรโมชั่นประหยัดมากๆ และยังอยู่ในชั้นที่ดีอีกด้วย เรียกได้ว่าคุ้มค่า เหมาะมากสำหรับคนงบประมาณน้อย แต่ไม่อยากอยู่ชั้น 1-2 เพราะกังวลเรื่องเสียงรบกวน และมีคนพลุกพล่าน
- ห้องอยู่ด้านทิศตะวันออก ไม่มีแสงแดดส่องช่วงเวลากลางวัน เย็นสบายตลอดวันค่ะ
ข้อเสีย
- เนื่องจากตำแหน่งของห้องนี้ อยู่เยื้องจากลิฟท์ไม่ไกล เลยอาจทำให้ได้ยินเสียง เปิด-ปิด ลิฟท์อยู่บ้าง
ห้องที่ 3 : ชั้น 5 ห้อง C508 (ทิศตะวันตก) ขนาดห้อง 25.5 ตร.ม. ราคา :2.19 ล้านบาท
ห้องขนาด 25.5 ตร.ม. ซึ่งเป็นแนวห้องสี่เหลี่ยมจตุรัส โดยทางโครงการได้แบ่งโซนพื้นที่เป็นฟังก์ชั่นได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องโซนการใช้งาน ห้องครัว ห้องน้ำ และห้องนั่งเล่น ห้องนอนสำหรับการพักผ่อน ซึ่งจุดเด่นของห้องนี้ คือมีประตูบานเลื่อนกระจกที่กั้นแบ่งระหว่าง 2 ส่วน ห้องนอนและห้องรับแขก เปิด-ปิดได้สะดวก ทำให้ห้องดูโล่งและกว้างขึ้นค่ะ
ข้อดี
- ในส่วนของ Room Layout นั้น ห้องนี้มีขนาดแค่ 5 ตร.ม. แต่ด้วยการจัดโซนห้องนั่งเล่น และห้องนอนโดยใช้กระจกบานเลื่อนกั้น ทำให้ห้องดูโล่งและกว้างขึ้น แถมยังสามารถดูทีวีจากห้องนอนได้เลย
- เพิ่มเติมในส่วนของ Room layout การใช้กระจกบานเลื่อนกั้นระหว่างห้องนอน กับห้องนั่งเล่นนั้น นอกจากจะดูทีวีได้แล้ว ยังประหยัดแอร์หรือไฟด้วย เพราะไม่ว่าจะเปิดมุมไหน ก็ทั่วถึงทั้งห้องเลยค่ะ
- ระเบียงของห้องนี้จะเป็นแนวยาว ตามระยะห้องนั่งเล่นเลย ทำให้กว้างกว่า สามารถตกแต่งทั้งเก้าอี้นั่งเล่น หรือจะปลูกต้นไม้ก็มีเนื้อที่เพียงพอค่ะ
ข้อเสีย
- ห้องนี้มีโซนครัวที่เป็นโซนเปิดค่ะ โดยเปิดประตูเข้ามาจะเจอครัวเลย ทำให้ไม่เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำอาหารเมนูหนักๆ เพราะอาจทำให้กลิ่นตลบทั่วห้องเลยทีเดียว เหมาะสำหรับทำอาหารเบาๆ หรือต้มมาม่า แต่ทางโครงการก็มี Hood Hob ติดตั้งให้ค่ะ
สำหรับใครที่สนใจโครงการ Notting Hill Sukrumvit 105 สามารถเข้าชมโครงการจริงวิวจริงได้ทุกวันที่สำนักงานขายค่ะ