หลังจากเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ออริจิ้น คอนโดมิเนียม ในเครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ประกาศแผน Origin Next Normal, The 1st Wave สร้างปรากฏการณ์การเปิดขายคอนโดโครงการใหม่กันแบบ “Next Normal” สร้างแพลทฟอร์มใหม่ ขายคอนโดออนไลน์ 100% แบบไม่มีสำนักงานขาย ไม่มีพนักงานขายแบบออฟไลน์ ล่าสุด ออริจิ้น ได้เปิดแพลทฟอร์มใหม่ให้เข้าชมและเลือกดูห้องของโครงการดิ ออริจิ้น อ่อนนุช (The Origin Onnut) ได้พลางๆ เป็นที่เรียบร้อย วันนี้เลยขอพาไปส่อง 5 ไฮไลท์เด็ดของเจ้าแพลทฟอร์มแห่งปรากฏการณ์ใหม่นี้ว่าจะเป็นยังไง และราคาจะเซอร์ไพรส์ขนาดไหน
1.ออกแบบเป็น Responsive Website
เนื่องจากวันเปิดจองจริง ตรงกับวันที่ 8 เดือน 8 ซึ่งเป็นวันเสาร์ ตัวเว็บไซต์เลยออกแบบมาเป็น Responsive Website ที่จะปรับขนาดและโฉมหน้าของเว็บให้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานผ่านหน้าจอของทุก device ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ปกติ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ขนาดใดๆ ก็ตาม ดังนั้น ไม่ว่าคุณกำลังทำงาน กำลังพักผ่อน จะเข้าดูหรือชมห้องจากที่บ้าน ที่ทำงาน หรือที่มุมไหนของโลกก็สะดวกทั้งนั้น
2.ดูข้อมูลง่าย กระชับ ทันสมัย วัยรุ่นเฟร่อ!
เมื่อล็อกอินเข้ามาแล้ว จะพบกับชุดข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการประกอบการตัดสินใจ ที่ขนมาให้แบบย่อยง่ายๆ เริ่มจากวิดีโอสรุปศักยภาพทำเลอ่อนนุช ใน 2 นาที ตัดต่อแบบกระชับ ทันสมัย เอาใจวัยรุ่น Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักได้ แผนที่โครงการ ทั้งแบบ Graphic และแบบ Google Maps ภาพ Plan ห้องแบบต่างๆ ที่เลือกคลิกดูมุมต่างๆ เองได้ วิดีโอพาชมห้องตัวอย่าง ที่พาชมอย่างละเอียดทุกมุม แต่กระชับภายใน 5 นาที Floor Plan ที่เลือกดูได้ละเอียดทั้ง 8 ชั้น ไปจนถึง Factsheet โครงการที่สรุปมาอย่างครบถ้วน
3.สุดมันส์ไปกับการเลือกห้อง เลือกวิวมิติใหม่
ที่ผ่านมา โครงการที่มีสำนักงานขาย มักจะมีห้องตัวอย่างให้ดู มีแบบห้องให้ดู บอกทิศบอกทาง แต่เราก็มักจะนึกไม่ออกอยู่ดี ว่าวิวทิศนั้นๆ ของห้องจะเป็นยังไง ออริจิ้นดูเหมือนจะรู้ Pain Point ตรงนี้ เลยออกแบบฟังก์ชันการเลือกห้อง ให้ทุกคนสามารถเลือกเปรียบเทียบห้องที่สนใจได้สูงสุดถึง 5 ห้อง และยังสามารถเลือกดูภาพวิวของห้องทิศต่างๆ ซึ่งถ่ายจากโดรนไว้เรียบร้อย จะได้ประเมินกันถูกว่าทิศไหน จะได้วิวยังไง แถมยังสามารถเพลิดเพลินกับการ Customize เฟอร์นิเจอร์แต่งห้องเพิ่มเติม ให้เหมาะกับความต้องการของตัวเองได้
4.ศึกชิงห้องแบบ Next Normal ที่ไม่ต้องตื่นไปต่อคิวตอนตี 3
แทนที่ทุกคนจะต้องตื่นไปต่อคิวกันแต่ฟ้ายังไม่สางแบบเดิมๆ วิธีแบบ Next Normal คือ ตั้งแต่วันนี้ถึงก่อนวันเปิดจองจริง ทุกคนที่ชำระเงินมัดจำเรียบร้อย จะสามารถเลือกห้องที่ชอบ “ติดดาวลงตะกร้า” ของตัวเองเอาไว้ได้ตามจำนวนสิทธิ์ที่วางเงินมัดจำไว้ โดยลูกค้า 1 ท่าน สามารถจองห้องได้สูงสุด 5 ยูนิต โดยทุกคนจะมองเห็นด้วยว่า ห้องที่ตัวเองใส่ลงตะกร้าไว้ “Hot” แค่ไหน เพราะทุกห้องจะมีสถานะแถบสีบ่งบอกถึงความร้อนแรง สียิ่งแดง คนยิ่งแย่งชิงกันเยอะ ดังนั้น ถ้าเข้ามาเช็คบนแพลทฟอร์มเรื่อยๆ ก่อนวันจองจริง 8 ส.ค. ก็จะวางแผนได้ถูกว่า จะสู้ศึกที่ห้องเดิม หรือเตรียมแผนสำรองไปซื้อห้องไหนที่ความต้องการไม่เยอะแทน
5.ราคาดีๆ ทำเลโดนๆ
ย่านอ่อนนุชปัจจุบัน ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 90,000 บาทต่อ ตร.ม. แต่ ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช (The Origin Onnut) ราคาเฉลี่ยเพียง 68,000 บาทต่อ ตร.ม. เริ่มต้น 1.29 ล้านบาท แม้กระทั่งห้องใหญ่สุด ยังเริ่มต้นเพียง 2.09 ล้านบาท จะซื้ออยู่เอง ซื้อเป็นสินทรัพย์ หรือซื้อลงทุนปล่อยเช่า ก็เรียกว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เพราะได้โครงการบนทำเลอ่อนนุชที่เป็นทำเลสำคัญอีกทำเลบนสุขุมวิท แถมตัวโครงการยังมีห้องที่ฟังก์ชันดีอย่าง Smart Closet สมมาตรฐานแบรนด์ ดิ ออริจิ้น พื้นที่ส่วนกลางก็โดดเด่น สิ่งอำนวยความสะดวกจำเป็นครบ
โอกาสที่มาแบบปรากฏการณ์ครั้งนี้ อาจไม่ได้มีบ่อยๆ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียน วางเงินมัดจำ แล้วเลือกห้องติดดาวลงตะกร้าไว้ก่อนได้ที่ https://bit.ly/30eCZzB หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 020 300 000 รีบทำขั้นตอนให้ทัน ก่อนวันเปิดพรีเซล 8 ส.ค.นี้ เพราะงานนี้ ช้าหมด อดแน่ๆ
ข้อมูลโครงการ
โครงการ “ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช” (The Origin Onnut) ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2-3-23 ไร่ ติดถนนใหญ่บริเวณระหว่างซอยอ่อนนุช 24 และอ่อนนุช 26 ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมแบบ Low rise 8 ชั้น 2 อาคาร 399 ยูนิต ร้านค้า 3 ยูนิต มีห้องพักแบบ 1 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่ 21.5-34 ตร.ม. โดยห้องขนาด 21.5 ตร.ม. เป็นห้อง Layout ที่ออกแบบใหม่ ไม่เคยมีในแบรนด์ดิ ออริจิ้น โครงการอื่น พร้อมทั้งมีฟังก์ชัน Smart Closet ให้ภายในห้อง ภายในโครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำคัญอื่นๆ อาทิ Lobby, Co-Passion Space, Refreshing Terrace, Pocket Garden Creative Garden, Swimming Pool 25 m, Pool Lounge , Fitness, Multi-Training Zone, Sky Lounge, Rooftop Garden ,รถตู้รับ-ส่งจากโครงการไปยังสถานี BTS อ่อนนุช คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 4/2564 และก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/2565
