ออริจิ้น–พรีโม” จับมือ DWG ยกระดับแบรนด์สู่สากล
นำคอนโดหลากแบรนด์เจาะตลาด 10 ประเทศ พร้อมดูแลหลังการขาย
“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ยกระดับแบรนด์สู่สากล จับมือ “DWG Thailand” ตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรชั้นนำจากสิงคโปร์ นำคอนโดหลากแบรนด์เจาะตลาด 10 ชาติทั่วโลก มั่นใจหนุนยอดขายทั้งปีทะลุ 28,000 ล้านบาทตามเป้า ด้าน “พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น” เตรียมพบเครือข่ายตัวแทนขาย DWG ทั่วโลก ส่งมอบบริการหลังการขายลูกค้าต่างชาติ ขณะที่DWG เผย อสังหาริมทรัพย์ไทยยังเป็นที่สนใจในตลาดโลก มุ่งปั้นคอนโดออริจิ้นสู่ “อินเตอร์แบรนด์”
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า “ด้วยจุดมุ่งหมายในการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เป็น ที่รู้จักในระดับสากล บริษัทจึงได้ร่วมมือกับ บริษัท ดีดับเบิลยูจี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DWG Thailand ผู้บริหารงานขายอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรชั้นนำจากสิงคโปร์ ให้เป็นตัวแทนขายโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ต่างๆ ของบริษัทฯ ในตลาดต่างประเทศ
“DWG ถือเป็นผู้บริหารงานขายที่มีเครือข่ายอยู่ในหลากหลายประเทศชั้นนำทั่วโลก มีประสบการณ์บริหารงานขายโครงการจนประสบความสำเร็จในหลากหลายเซ็กเมนท์ทั้งโครงการของไทยและโครงการของต่างชาติ เราจึงไว้วางใจให้ DWG เป็นตัวแทนขายโครงการของเรา และช่วยสร้างชื่อเสียงให้แก่ออริจิ้นในเวทีโลกในฐานะผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำสัญชาติไทย” นายพีระพงศ์ กล่าว
สำหรับประเทศที่ DWG Thailand จะนำโครงการของออริจิ้นไปบริหารการขาย มีอย่างน้อย 10 ชาติทั่วโลก ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย พม่า อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่น ดูไบ โดยจะมีการจัดแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวหลากหลายสัญชาติเพิ่มเติมเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ การนำโครงการไปขายในต่างประเทศ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ยอดขายของออริจิ้นในปีนี้ สามารถเป็นไปได้ตามเป้าหมาย 28,000 ล้านบาท
ด้านนายธนา ต่อสหะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ในเครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้ตกลงความร่วมมือกับ DWG Thailand ในการดูแลงานบริการหลังการขาย 3 ด้าน ให้แก่ลูกค้าชาวต่างชาติทั้งหมดของ DWG Thailand ได้แก่ 1.บริการรับฝากขายต่อและปล่อยเช่า (Resale & Leasing Services)2.บริการตกแต่งห้องพัก (Decoration Services) 3.บริการดูแลด้านความสะอาดภายในห้องพัก (Cleaning Services) ล่าสุด บริษัทเตรียมเข้าพบปะกับเครือข่ายตัวแทนขายของ DWG Thailand ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ เพื่อนำเสนอบริการหลังการขายที่ได้คุณภาพและมาตรฐานของบริษัท แก่ลูกค้าชาวต่างชาติทั้งหมดในเครือข่ายของ DWG ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย
ด้านนายเดนก้า วี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดีดับเบิลยูจี (DWG) กล่าวว่า “DWG Thailand จะนำโครงการของออริจิ้นภายใต้ 2 แบรนด์หลัก ได้แก่ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) และดิ ออริจิ้น (The Origin) ไปขายในตลาดต่างประเทศทั้ง 10 ชาติ โดยจะมุ่งเน้นการนำเสนอจุดขายของแบรนด์ให้เป็นที่จดจำและไว้วางใจ มากกว่าการนำเสนอจุดขายเป็นรายโครงการ เพื่อสร้างโอกาสของแบรนด์ในฐานะ “อินเตอร์แบรนด์” ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน”
“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหลายประเทศทั่วโลกมีราคาสูงเกินกว่าที่คนทั่วไปจะสามารถเข้าถึงได้ ทำให้หลายประเทศยังคงมองหาโอกาสการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ ทั้งเพื่อการอยู่อาศัยในช่วงหลังเกษียณและการลงทุน ปล่อยเช่า โดยไทยยังถือเป็นประเทศเป้าหมายสำคัญที่ชาวต่างชาติยังคงให้ความสนใจการซื้อที่อยู่อาศัยในหลากหลายเซ็กเมนท์ และคอนโดมิเนียมของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ทั้ง 2 แบรนด์ ล้วนตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ มีคุณภาพ ฟังก์ชั่น การออกแบบ สิ่งอำนวยความสะดวก ที่ได้มาตรฐานพร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคระดับสากล” นายเดนก้า กล่าว
ในปี 2561 คาดว่ามูลค่าตลาดผู้ซื้อชาวต่างชาติในอสังหาริมทรัพย์ไทยอยู่ที่ราว 92,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2562 คาดว่าตลาดจะมีมูลค่าสูงขึ้นอีกมูลค่ารวมประมาณ 100,000 ล้านบาท
สำหรับ DWG หรือ Dennis Wee Group เป็นผู้ประกอบธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของสิงคโปร์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2536 ณ ประเทศสิงคโปร์ ภายใต้ชื่อ Dennis Wee Realty ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น DWG อย่างเป็นทางการในปี 2551 ปัจจุบัน มีเครือข่ายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ในกว่า 10 ประเทศทั่วโลก มีโครงการที่เป็นตัวแทนขายรวมกันทั่วโลก ณ ขณะนี้กว่า 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 9,000 ล้านบาท
สำหรับ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 58 โครงการ เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ดิ ออริจิ้น (The Origin) ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), เคนซิงตัน (Kensington) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 94,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร