แชร์

ครั้งแรกของไทย! ออริจิ้น เปิดขายคอนโดใหม่แบบ “Next Normal” เล็งขาย “ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช” ออนไลน์ 100% แบบไร้ Sales Gallery

คอนโดใหม่แบบ “Next Normal”

“ออริจิ้น” ผ่าแผนธุรกิจกลุ่มสมาร์ทคอนโดครึ่งปีหลังปี 63 เปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่า 4,350 ล้านบาท พร้อมกลยุทธ์ตอบโจทย์กระแสความเปลี่ยนแปลงแบบ Next Normal หลังค้นพบหลากโซลูชั่นช่วงไตรมาส 2 นำร่อง “The 1st Wave” สร้างแพลทฟอร์มจัดอีเวนท์ขายคอนโดออนไลน์ 100% ไม่ง้อ Sales Gallery ครั้งแรกของวงการ หวังสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยราคาต่อยูนิตคุ้มค่ากว่าตลาด เริ่ม Next Normal โครงการแรกกับ “ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช” 8 ส.ค.นี้ ราคาเริ่มต้นเพียง 1.29ล้านบาท

ออริจิ้น เปิดขายคอนโดใหม่แบบ

 

นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด ผู้พัฒนาโครงการกลุ่มสมาร์ทคอนโดมิเนียม ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 กลุ่มธุรกิจสมาร์ทคอนโดมิเนียม จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่อีกทั้งสิ้น 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,350 ล้านบาท ได้แก่ 1.ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช (The Origin Onnut) มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท 2.ดิ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามอินทรา (The Origin Plug and Play Ramintra) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท 3.ดิ ออริจิ้น อี 22 สเตชั่น (The Origin E22 Station) มูลค่าโครงการ 1,650 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทยอยเปิดขายทั้ง 3 โครงการภายในช่วงไตรมาส 3/2563 พร้อมกับกลยุทธ์ใหม่ที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ทุกกระแสความเปลี่ยนแปลงแบบ Next Normal

นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด

“ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่เราต้องเผชิญกับความปกติรูปแบบใหม่ หรือ New Normal ในหลากหลายเรื่องมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดสถานการณ์ Lock-down ทำให้เราได้เรียนรู้ทั้งวิธีการขายแบบใหม่ พฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบใหม่ ไปจนถึงสกิลและโซลูชั่นใหม่ๆ ครึ่งปีหลังของปีนี้ จึงเป็นช่วงที่เราจะนำเอาบทเรียนที่เป็น Key Learning จาก New Normal ในไตรมาส 2 มาพัฒนาทั้งกลยุทธ์และสินค้าของเราเพื่อก้าวไปสู่ Next Normal” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายใต้กลยุทธ์ Origin Next Normal บริษัทจะสร้างสรรค์วิธีแก้ปัญหาเพื่อตอบโจทย์แห่งอนาคตใน 2 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.วิธีแก้ปัญหาด้านการเข้าถึง (Reaching Solution) และ 2.วิธีแก้ปัญหาสำหรับการอยู่อาศัย (Living Solution) โดยในระยะแรก หรือ The 1st Wave จะเน้นตอบโจทย์ Reaching Solution เริ่มจากการเปิดขายโครงการดิ ออริจิ้น อ่อนนุช ผ่านอีเวนท์การขายออนไลน์ (Online Presales Event) เต็มรูปแบบ 100% โดยไม่มีสำนักงานขาย ไม่มีพนักงานขายแบบออฟไลน์ ครั้งแรกของวงการ

ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช

“เมื่อไม่ต้องมีสำนักงานขาย เมื่อทุกอย่างมาอยู่บนออนไลน์ ผู้บริโภคจะได้ Reaching Solution ไปทันที 2 อย่าง ได้แก่ 1.ราคาที่ถูกลงและคุ้มค่ามากขึ้น เพราะเมื่อไม่ต้องมีสำนักงานขาย บริษัทก็สามารถทำราคาได้ถูกลงในระดับที่เซอร์ไพรส์ตลาดได้ เช่น เราสามารถให้ผู้บริโภคอยู่อาศัยในทำเลอ่อนนุชกับราคาเฉลี่ยเพียงประมาณ 68,000 บาทต่อ ตร.ม. หรือเริ่มต้นเพียง 1.29 ล้านบาท เพิ่มขีดความสามารถของผู้บริโภคในการเข้าถึงทำเลดีๆ ภายใต้งบประมาณที่จับต้องได้ 2.ความสามารถในการชมห้องตัวอย่างโดยไม่ต้องไปสถานที่จริง เราเล็งเห็นแล้วว่า ช่วงไตรมาส 2 ที่มีการ Lock-down ผู้บริโภคก็ยังมีความสนใจในการซื้อคอนโดมิเนียมผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับการต้องไปเห็นห้องตัวอย่างจริงเท่ากับในอดีต เราจึงจะยกทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อสินค้า ขึ้นมาอยู่บนแพลทฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด เพื่ออำนวยความสะดวกผู้บริโภคในการซื้อขายและเข้าถึงข้อมูลแบบ Next Normal” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

Next Normal

แพลทฟอร์มอีเวนท์ออนไลน์ จะประกอบด้วยหลากหลายฟีเจอร์ อาทิ Walkthrough Video วิดีโอพาชมห้องตัวอย่างแบบต่างๆ อย่างละเอียด โดยพนักงานขายหรือ Influencer ที่จะมาแนะนำเสมือนลูกค้าอยู่ตรงหน้า ชมห้องตัวอย่างแบบ 360 องศา ด้วยตัวคุณเองแบบคลิกมุมมองได้ 360 องศา Realtime Live Event  พบกับ Live สดจากนักวิเคราะห์ Blogger เพื่อให้ข้อมูลและตอบคำถามผู้บริโภคโดยตรงเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังมีช่องทางลงทะเบียนจองสิทธิล่วงหน้า โดยในขณะที่จอง จะสามารถเลือก Topping ฟังก์ชั่นหรือสิ่งที่ต้องการในห้องเพิ่มเติมได้ เช่น ต้องการเฟอร์นิเจอร์สำหรับพร้อมเข้าอยู่ เพิ่มความสนุกไปพร้อมกับทางเลือกในการจอง คาดว่าทั้งหมดจะตอบโจทย์ Customer Journey ได้เป็นอย่างดี

 

สำหรับโครงการดิ ออริจิ้น อ่อนนุช (The Origin Onnut) ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2-2-83 ไร่ ติดถนนใหญ่บริเวณระหว่างซอยอ่อนนุช 24 และอ่อนนุช 26 ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมแบบ Low rise 8 ชั้น 2 อาคาร 399 ยูนิต ร้านค้า 3 ยูนิต มีห้องพักแบบ 1 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่ 21.5-34 ตร.ม. โดยห้องขนาด 21.5 ตร.ม. เป็นห้อง Layout ที่ออกแบบใหม่ ไม่เคยมีในแบรนด์ดิ ออริจิ้น โครงการอื่น พร้อมทั้งมีฟังก์ชัน Smart Closet ให้ภายในห้อง ภายในโครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำคัญอื่นๆ อาทิ Lobby, Co-Working Space , Observation Deck

Co-Passion Space , Shop , Pocket Garden, Swimming Pool 4.5x25m ,Pool Lounge ,Fitness, Sky Garden, รถตู้รับ-ส่งจากโครงการไปยังสถานี BTS อ่อนนุช คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 4/2564 และก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/2565

 

ทั้งนี้ โครงการจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนจองสิทธิ์ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2563 จากนั้นจะเริ่มเปิดขายจริงในวันที่ 8 ส.ค.2563  ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ในการจองห้องได้ที่  https://bit.ly/3jCHagC หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 020 300 000

 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทเชื่อมั่นว่า ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคแบบ Next Normal ประกอบกับ Reaching Solution ทั้งด้านราคาและความสะดวกในการเข้าถึง จะทำให้ Origin Next Normal, The 1st Wave ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และคาดว่าภายในช่วงปลายเดือน ส.ค. บริษัทจะประกาศรายละเอียดของ Origin Next Normal, The 2nd Wave ต่อไป

 

สำหรับบริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด เป็นบริษัทที่พัฒนาโครงการกลุ่มสมาร์ท คอนโดมิเนียม ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีแบรนด์หลักภายใต้การดูแลคือแบรนด์ดิ ออริจิ้น (The Origin) เน้นเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน (First Jobber) และกลุ่มที่เพิ่งซื้อคอนโดมิเนียมหลังแรก (First Condo Buyer) อายุประมาณ 23-28 ปี โดยในปี 2562 มีการเปิดตัวโครงการภายใต้แบรนด์ดังกล่าวถึง 6 โครงการหลากหลายทำเลศักยภาพ มูลค่าโครงการรวมกว่า 7,700 ล้านบาท และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี จนทำให้หลายโครงการสามารถ Sold Out 100% ได้อย่างรวดเร็ว

 

ขณะที่บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 73 โครงการ เช่น  แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ดิ ออริจิ้น (The Origin) ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), เคนซิงตัน (Kensington) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 114,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร

แท็กที่เกี่ยวข้อง