ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กางผลประกอบการ Q3/2566 กวาดยอดกิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั้งโครงการ JV และ Non-JV กว่า 6,300 ล้าน โต 43% จากปีก่อนหน้า พร้อมคว้ากำไรสุทธิ 1,000 ล้าน เติบโต 18% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ชูหลากปัจจัยความสำเร็จโตยั่งยืน อาทิ การวางรากฐานพอร์ตกระจายความเสี่ยง-การรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากโครงการขนาดใหญ่แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น-การร่วมทุนพันธมิตรต่อเนื่อง ไตรมาส 4/2566 เตรียมเปิดตัวบ้าน-คอนโดใหม่เพิ่ม 12 โครงการ 15,140 ล้าน มั่นใจพร้อมส่งมอบสินค้า-บริการคุณภาพตอบโจทย์ Life Convenience
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 3/2566 (กรกฎาคม – กันยายน 2566) บริษัทมีกิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่อาศัยทั้งจากกลุ่มโครงการที่ไม่ได้ร่วมทุน (Non-JV) และ โครงการร่วมทุน (JV) รวมกันกว่า 6,359 ล้านบาท เติบโต 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2566 ที่ 1,000.4 ล้านบาท เติบโต 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
“แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะมีปัจจัยภายนอกที่ต้องจับตาหลายอย่าง แต่เรายังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในไตรมาสนี้ได้ เนื่องจากเราวางรากฐานพอร์ตโฟลิโอกระจายความเสี่ยงให้ครอบคลุมหลากหลายตลาด หลากหลายเซ็กเมนท์มาระยะหนึ่งแล้ว รวมถึงมีโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีขนาดใหญ่ภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น ที่ทยอยสร้างเสร็จอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 จนถึงช่วงกลางปีนี้” นายพีระพงศ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน การร่วมทุนกับพันธมิตรทั้งฝั่งบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม โรงแรม และคลังสินค้า ทั้งกับกลุ่มพันธมิตรด้านการเงินการลงทุน (Investment Partner) และพันธมิตรเจ้าของที่ดิน ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญให้บริษัทมีผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยในไตรมาส 3/2566 มีการร่วมทุนใหม่ ทั้งกลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรรวมทั้งสิ้น 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 15,740 ล้านบาท กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศตามแผนงานการเติบโตไม่สิ้นสุดหรือ Origin Infinity นอกจากนี้ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) หรือ ONEO บริษัทที่ดูแลธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำในเครือ ยังได้เข้าซื้อกิจการโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ และ โรงแรมในจังหวัดภูเก็ต เข้ามาเสริมพอร์ตความแข็งแกร่งของธุรกิจโรงแรมด้วย
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับช่วงไตรมาส 4/2566 บริษัทยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่จะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์เป็นครั้งแรก 4 โครงการ ได้แก่ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามคำแหง ทริปเปิ้ล สเตชั่น (Origin Plug & Play Ramkhamhaeng Triple Station) ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามอินทรา (Origin Plug & Play Ramintra) บริกซ์ตัน ระยอง (Brixton Rayong) บริกซ์ตัน แคมปัส บางแสน (Brixton Campus Bangsaen) โดยแต่ละโครงการมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) เฉลี่ยแล้วกว่า 85% และ โครงการบ้านจัดสรรทยอยโอนกรรมสิทธิ์ 6 โครงการ ได้แก่ แกรนด์ บริทาเนีย ทวีวัฒนา (Grand Britania Thawiwatthana) แกรนด์ บริทาเนีย วงแหวน-ประชาอุทิศ (Grand Britania Wongwaen-Prachautid) แกรนด์ บริทาเนีย ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ (Grand Britania Chaiyaphruek-Chaengwattana) บริทาเนีย บางนา-ศรีวารี (Britania Bangna-Srivaree) บริทาเนีย บางนา-เทพารักษ์ (Britania Bangna-Thepharak) บริทาเนีย ราชพฤกษ์-กาญจนาภิเษก (Britania Ratchaphruek-Kanchanapisek)
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในช่วงไตรมาส 4/2566 ถึง 12 โครงการ กระจายตัวทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และจังหวัดหัวเมืองใหญ่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 15,140 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.โครงการบ้านจัดสรรภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI จำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,150 ล้านบาท 2.โครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการ 4,990 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมแกร่งด้านยอดขาย จากที่ช่วง 9 เดือนแรก บริษัทมียอดขายแล้วกว่า 36,937 ล้านบาท หรือราว 82% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี บริษัทคาดว่าจะสามารถปิดยอดขายสิ้นปีได้ตามแผน พร้อมส่งมอบสินค้าและบริการคุณภาพ ตอบโจทย์ความสะดวกสบายของการใช้ชีวิต (Life Convenience) ได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย
1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 147 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 3/2566) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton),
ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 225,495
ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร