หน้าแรก > ข้อมูลองค์กร > สารจากประธานกรรมการบริษัท
สำหรับออริจิ้นเองมุ่งเน้นการเป็นองค์กรที่่ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาและมีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงเสมอมา รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย
สถานการณ์โควิด-19 ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าการแพร่ระบาดของโรคดูเหมือนจะหยุดลงแล้ว ทุกสิ่งกำลังเข้าสู่ภาวะปกติ แต่อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ดังกล่าวได้เร่งปฏิกิริยา Disruption ในทุกมิติสร้างการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วขึ้น และจะคงอยู่ต่อไปจนเป็น New Normal เช่น การเข้าสู่สังคมไร้เงินสด, การทำงานที่สามารถเลือกทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Hybrid working) จนถึงสามารถทำงานได้จากทุกสถานที่บนโลก (Digital nomad), การเติบโตของธุรกิจซื้อขายสินค้าออนไลน์หรือการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI Technology) เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้ผู้คนมีชีวิตที่สะดวกสบาย และทันสมัยมากขึ้น
ทั้งนี้ การปรับตัวของธุรกิจต้องตระหนักว่าความเปลี่ยนแปลงของโลกนับจากนี้ไปนั้นล้วนเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ความผันผวน และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หมายความว่า เราทั้งหมดกำลังอยู่ในโลกของ “VUCA World” นั่นเอง ซึ่งธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ผู้นำองค์กรต้องบริหารคน บริหารองค์กรให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับออริจิ้นเองมุ่งเน้นการเป็นองค์กรที่่ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาและมีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงเสมอมา รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย
สำหรับปี 2565 ออริจิ้นได้ประสบความสำเร็จภายใต้แนวทางการเติบโตแบบ “Origin Multiverse” กับ 3 ขั้นตอน
ปี 2566 ออริจิ้นมีแผนธุรกิจภายใต้แนวคิด “Origin Infinity” สร้างการเติบโตและการดูแลผู้บริโภคแบบไม่สิ้นสุดพัฒนาเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ให้กลายเป็น Well-Being Lifetime Company หรือองค์กรที่มีธุรกิจครอบคลุมการดูแลผู้บริโภคตลอดช่วงชีวิตด้วยการขับเคลื่อน 3 ด้านหลัก ได้แก่
นอกจากการเติบโตทางธุรกิจ ออริจิ้น ยังให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลักESG (Environmental, Social and Governance) จึงได้รับคัดเลือกจาก ตลท. เข้าสู่รายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ประจำปี 2565 เป็นการได้รับรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และยังได้รับผลประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2564 ในระดับ “ดีเลิศ” จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) แสดงถึงเจตนาที่จะเป็นบรรษัทภิบาล
โดยแนวทางการดำเนินการของบริษัทยังคงมุ่งเน้นมอบสิ่งดีๆ ตอบแทนให้แก่ผู้บริโภคและสังคมเพื่อร่วมกันก้าวผ่านสถานการณ์ต่างๆ ไปด้วยกัน ทั้งนี้ ผมต้องขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างสูง ทั้งบรรดาผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร พนักงานทุกท่าน ตลอดจนลูกค้า สถาบันการเงิน พันธมิตร คู่ค้า และผู้ถือหุ้นที่ร่วมสนับสนุนบริษัทด้วยดีตลอดมา