ถ้าพูดถึงทำเลศักยภาพที่มีความหลากหลาย และเหมาะกับการลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ “พญาไท” เป็นอีกหนึ่งทำเลที่น่าสนใจ เพราะนอกจากเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีโครงการ Mixed-Use เกิดใหม่หลายโครงการ ยังเป็นทำเลที่มีการเติบโตด้านราคาที่ดินที่สูงขึ้นถึง 100% ต่อรอบการประเมินตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา (ราคาอยู่ที่ 210,000-350,000) ในขณะที่ราคาประเมินที่ดินในปัจจุบันอยู่ที่ 400,000 บาทต่อตารางวา เรียกได้ว่าเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า พญาไท เป็นทำเลที่มีอะไรใหม่ๆ ให้รอคอยอยู่เสมอ เป็นทำเลที่ดึงดูด Traffic เข้ามาทั้งในแง่ของการพัฒนา เหมาะกับการปล่อยเช่าที่เพิ่มโอกาสในการสร้าง Capital gain ระยะสั้นในทำเลนี้ได้ ในบทความนี้เรามีเหตุผลมาประกอบว่าทำไม “พญาไท” ถึงเป็นทำเลที่นักลงทุนไม่ควรพลาด และลงทุนกับอะไรถึงได้ผลตอบแทนที่ดี
1. เป็น Zone Medical District
ปัจจุบันพญาไท ถูกยกระดับให้เป็นทำเลที่เป็นศูนย์รวมของโรงพยาบาลชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลที่ได้รับมาตรฐาน JCI ซึ่งเป็นมาตรฐานโรงพยาบาลระดับสากลอย่างโรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ โรงพยาบาลพญาไท 2 เป็นต้น ทำให้ย่านพญาไทกลายเป็น Medical District ที่สามารถรองรับ Medical Tourism ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เนื่องจากการเดินทางที่สะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สถานีพญาไทที่สามารถเดินทางไปยังใจกลางเมืองอย่างย่านสยามก็สามารถทำได้ เพียง 2 สถานี รวมถึงยังเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ – ตลิ่งชัน) และยังเชื่อมต่อกับสนามบินสุวรรณภูมิด้วย Airport Rail Link ทำให้ชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามาได้สะดวกมากขึ้น อีกทั้งยังมีกลุ่มอาชีพทางการแพทย์อยู่ในพื้นที่จำนวนมาก ราวๆ 20,000 คน ที่ต้องเดินทางเข้ามาทำงานและมองหาที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน ทำให้อัตราการเช่าที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2. เป็น Zone Office District
พญาไท เป็นทำเลที่มีอาคารสำนักงานเพิ่มขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนปี 2540 ที่มี Office อยู่แล้วกว่า 220,000 ตร.ม. บวกกับการเติบโตของทำเลและการพัฒนาโครงการของเหล่า Developer ทำให้มีพื้นที่อาคารสำนักงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าปัจจุบันนี้ทำเลพญาไทมีพื้นที่สำหรับอาคารสำนักงานเพิ่มขึ้นถึง 372,000 ตร.ม. และในอนาคตคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีกถึง 24.4 % อีกทั้งยังเป็นทำเลที่มีอัตราการเช่าพื้นที่สูงถึง 94.9 % เป็นอันดับ 2 ของกรุงเทพฯ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของพื้นที่และจำนวนคนที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ในอนาคตยังมีโครงการที่กำลังจะเปิดตัวอีกหลายโครงการบนทำเลพญาไท เช่น JKR Tower โครงการ Mixed – Use ขนาดใหญ่ เป็นอาคารสูง 46 ชั้น ติดกับ BTS ราชเทวี ภายในประกอบด้วยพื้นที่โรงแรม รีเทลและสำนักงาน มีกำหนดแล้วเสร็จ ปี 2567, โครงการ One Origin Sanampao อาคารสำนักงานเกรด A สูง 25 ชั้น รองรับการทำงานได้หลากหลายธุรกิจ เดินทางสะดวกใกล้ทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้า โดยคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จช่วงปี 2567
และโครงการ One Origin Phayathai ที่เป็นโครงการ Mixed-Use ขนาดใหญ่บนทำเลพญาไท ที่ประกอบไปด้วยโรงแรมหรู อาคารสำนักงานเกรด A พื้นที่ค้าปลีก คอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งอยู่ติดกับโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซูรี HAMPTON RESIDENCE Phayathai และยังมีโครงการ Mixed-Use อย่าง The Unicorn, Vanit Place Aree และ The Rice by SRISUPHARAJ ที่ตั้งอยู่ในทำเลพญาไทอีกด้วย
นอกจากเป็นทำเลที่มีพื้นที่ Office ตั้งอยู่จำนวนมากแล้ว “พญาไท” ยังเป็นศูนย์รวมของธุรกิจชั้นนำทั้งไทยและต่างชาติทั้งธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร, เทคโนโลยีและการตลาดออนไลน์, การก่อสร้างและแสงสว่าง การแพทย์และประกันสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานกว่า 49,000 คน ที่เดินทางเข้า – ออกพื้นที่ ทำให้ย่านนี้มีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดนั่นเอง
3. Real Estate Growth
ด้วยความที่พญาไทมีการเติบโตของธุรกิจและโครงการ Mixed-Use รวมถึงเป็นศูนย์กลางของกลุ่ม Tech Company และ Medical District อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของสถาบันราชการหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น และลักษณะเฉพาะตัวของย่านที่โดดเด่นในเรื่องศักยภาพของการเป็นทำเล Inner Urban Area ที่เชื่อมระหว่างใจกลางเมืองกับกรุงเทพฯ ตอนบน รวมถึงเป็นจุด Interchange ของรถไฟฟ้า BTS และ Airport Rail Link มีความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งแหล่งไลฟ์สไตล์ ชอปปิง แฮงก์เอาต์ โรงแรม สถาบันการศึกษาและโรงพยาบาลชั้นนำ
ด้วยความครบครันของทำเล ทำให้ทำเลพญาไทมีความหลากหลายของประชากรในพื้นที่คับคั่ง โดยเฉพาะกลุ่มชาวต่างชาติ (Expat) ที่มีแนวโน้มเข้ามาพักอาศัยและทำธุรกิจในทำเลนี้สูงขึ้น ส่งเสริมให้พญาไทเป็นทำเลศักยภาพที่มีมูลค่าที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 100% ต่อรอบการประเมิน หรือนับเป็น 11% ต่อปี จากเดิมในปี 2555 – 2558 ราคาที่ดินอยู่ที่ 210,000 บาท/ตารางวา แต่ในปี 2559 – 2562 เขยิบขึ้นมาอยู่ที่ 400,000 บาท/ตารางวา
ที่สำคัญทำเลพญาไทยังเป็นทำเลที่มี Serviced Apartment 5 ดาว แบบ Rare Item ของย่าน ที่ส่งผลให้อัตราค่าเช่าของห้องพักมีราคาสูงไม่แพ้ย่านอื่นๆ ถือเป็นโอกาสในการลงทุนปล่อยเช่าสำหรับนักลงทุนหรือผู้สนใจการลงทุนอสังหาฯ บนทำเลศักยภาพนี้… หนึ่งในโครงการที่น่าสนใจคือ Hampton Residence Phayathai โครงการลงทุนในรูปแบบ 5 Star Serviced Apartment บนทำเลพญาไท เดินทางสะดวกสบายใกล้รถไฟฟ้าและทางด่วน ที่มาพร้อมการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโรงแรม 5 ดาว ถือเป็นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถสร้าง Capital gain ได้อีกด้วย
และนี่คือ 3 เหตุผล ที่ตอกย้ำศักยภาพของทำเลพญาไทได้อย่างชัดเจน รวมถึงปัจจัยเกื้อหนุนด้านคมนาคมแบบครบวงจร ทำให้ “พญาไท” เป็น Hub แห่งใหม่ของคนกรุงเทพฯ เป็นทำเลดาวรุ่งใจกลางเมืองที่เหมาะกับการลงทุนทั้งวันนี้และอนาคต
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาโอกาสในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับผลตอบแทนระยะยาวอย่างสม่ำเสมอ และมีความผันผวนของตลาดต่ำ เราขอแนะนำ Hampton Residence Phayathai โปรแแกรมลงทุน INVESTMENT PROPERTY พร้อมโอกาสการเป็นเจ้าของ Serviced Apartment ที่คุณจะได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้อง โดยมีทีมงานมืออาชีพอย่าง Hampton Hotel & Residence Management เข้ามาช่วยบริหารจัดการลงทุนปล่อยเช่าให้กับคุณ ซึ่งเจ้าของห้องจะได้รับผลตอบแทนแบบ Mutual Benefit ที่เฉลี่ยรายได้และรายจ่ายแบบร่วมกัน ให้คุณได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอนานสูงสุดถึง 20 ปี แม้ห้องจะว่างหรือไม่มีผู้เช่าก็ตาม ที่สำคัญไม่ต้องเสียเงินลงทุนเพิ่มกับการแต่งห้องเพื่อปล่อยเช่า หรือค่าใช้จ่ายต่างๆ เพราะ Hampton Residence Phayathai จะเป็นคนดูแลและจัดการให้
Hampton Residence Phayathai การลงทุนที่มาพร้อมความคุ้มค่า สนใจเข้าชมโครงการและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ เลย LOCATION : https://maps.app.goo.gl/3n61n6TkaZ6XkAQRA