วันชาสากล (International Tea Day) ตรงกับวันที่ 21 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันที่องค์การสหประชาชาติ (UN) กำหนดขึ้นเพื่อ ส่งเสริมการผลิตและบริโภคชาอย่างยั่งยืน รวมถึงสร้างความตระหนักถึงบทบาทของชาในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมทั่วโลก
ความสำคัญของวันชาสากล
- ส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกชา
- ชาเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญในหลายประเทศกำลังพัฒนา
- วันชานี้ช่วยเน้นย้ำถึงความสำคัญของเกษตรกรรายย่อยที่เป็นกระดูกสันหลังของอุตสาหกรรมชา
- สร้างความเข้าใจเรื่องชาในมิติต่าง ๆ
- ไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม วิถีชีวิต และประวัติศาสตร์ของหลายประเทศ
- ชายังมีบทบาทในสุขภาพ เช่น ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยระบบย่อยอาหาร ฯลฯ
- สนับสนุนการค้าที่ยั่งยืนและเป็นธรรม (Fair Trade)
- วันชานี้ยังเน้นเรื่องราคาที่ยุติธรรม สภาพการทำงานของผู้ปลูก และความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน
- รักษาสิ่งแวดล้อม
- การผลิตชาอย่างยั่งยืนช่วยอนุรักษ์แหล่งน้ำ ดิน และระบบนิเวศ
- ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

7 ประโยชน์ของการดื่มชา
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant)
- ชามีสารโพลีฟีนอล เช่น คาเทชิน (catechin) และฟลาโวนอยด์ (flavonoid)
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็งและโรคหัวใจ
- กระตุ้นสมองและเพิ่มสมาธิ
- คาเฟอีนในชาช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองเบา ๆ โดยไม่แรงเท่ากาแฟ
- อีกทั้งยังมี “ธีอะนีน (L-theanine)” ที่ช่วยให้ผ่อนคลายแต่ยังตื่นตัว
- เสริมระบบภูมิคุ้มกัน
- บางชนิดของชา (เช่น ชาขิง ชาขาว) มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ
- ช่วยย่อยอาหาร
- ชาร้อน โดยเฉพาะชาเขียวหรือชามินต์ ช่วยลดอาการแน่นท้อง ท้องอืด และช่วยให้ย่อยอาหารดีขึ้น
- ลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด
- โดยเฉพาะชาเขียวและชาอู่หลง ช่วยควบคุมระดับไขมัน และช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
- ดีต่อสุขภาพหัวใจ
- การดื่มชาสม่ำเสมออาจช่วยลดความดันโลหิตและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
- ช่วยให้ผ่อนคลายและนอนหลับดีขึ้น (ในบางชนิด)
- ชาดอกไม้ เช่น คาโมมายล์ หรือ ลาเวนเดอร์ ไม่มีคาเฟอีน และช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
ดื่มดำกับชาเสร็จแล้วไป แวะมาดูคอนโดพร้อมอยู่ใกล้รถไฟฟ้า คลิกเลย https://oriurl.com/3za6766f