การบริหารจัดการคู่ค้า

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งมิติ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล เพื่อพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพและส่งมอบสินค้า และบริการที่ดีและตรงกับความต้องการของลูกค้าไปพร้อมกับการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้หลักบรรษัทภิบาล ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกฝ่าย

การบริหารจัดการคู่ค้า

การบริหารห่วงโซ่อุปทาน (ORIGIN-SUPPLY CHAIN MANAGEMENT)

ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าการบริหารห่วงโซ่อุปทานเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งของการดำเนินธุรกิจให้ยั่งยืนและบรรลุตามเป้าหมายที่องค์กรกำหนด ออริจิ้นตระหนักดีว่าธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญกับการบริหารห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยเริ่มตั้งแต่การหาแหล่งเงินทุนที่ดี การมีคู่ค้า(ผู้ร่วมทุน/สถาบันการเงิน ; Vendors/Supplierที่มีคุณภาพอย่างเพียงพอด้วยต้นทุนที่เหมาะสมในการพัฒนาโครงการเพื่อส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า 

บริษัทจึงมุ่งเน้นการดำเนินงานด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทาน และนวัตกรรมทางธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของชุมชนและสังคม โดยการเชื่อมโยงกระบวนการจัดการห่วงโซ่อุปทาน กับกลยุทธหลักทางธุรกิจ ดังนี้

การบริหารจัดการคู่ค้า (GRI 204-1) บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานไม่เพียงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน หรือป้องกันผลกระทบ หรือชื่อเสียงขององค์กร แต่เพื่อเพิ่มความโปร่งใส คู่ค้าจึงเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างยั่งยืน ดังนั้นการบริหารจัดการคู่ค้าเพื่อให้สามารถส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพยึดหลักการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล ควบคู่ไปกับการมีความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม (ESG) ถือเป็นการเสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจและสามารถบริการจัดการความเสี่ยงในระบบห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดจรรยาบรรณคู่ธุรกิจ (Supplier Code of Conduct) โดยมุ่งหวังให้คู่ค้านำไปปรับใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับการดำเนินงานตามบริบทคู่ค้า โดยคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน https://investor.origin.co.th/storage/download/company-policies/company-document/20230118-ori-suppliers-code-of-conduct-th.pdf กระบวนการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืน บริษัทฯได้กำหนดแนวทางการบริหารจัดการคู่ค้าอย่างยั่งยืน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินการ โดยประยุกต์ใช้ในกิจกรรมภายในของบริษัทฯ เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน ช่วยเพิ่มโอกาสลดความเสี่ยงและเป็นการยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ โดยมีการกำหนดกระบวนการดำเนินการบริหารจัดการคู่ค้าอย่างยั่งยืน ดังนี้ 1.กระบวนการสรรหาและคัดเลือกคู่ค้า คู่ค้าต้องผ่านการพิจารณาคัดเลือกจากเกณฑ์คุณสมบัติเบื้องต้นที่ทางบริษัทฯ กำหนดขึ้น เช่น คุณภาพสินค้า ชื่อเสียง ความเชี่ยวชาญในการดำเนินงาน ประสบการณ์ทำงาน สถานะความมั่นคงทางการเงิน 2.การขึ้นทะเบียนคู่ค้าใหม่ คู่ค้ารายใหม่จะต้องทำแบบประเมินตนเอง โดยการประเมินคู่ค้าจะครอบคลุมทั้งความเสี่ยงคู่ค้าด้าน ESG  ด้านคุณภาพ และการดำเนินงานภายใต้ความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และต้องรับทราบจรรยาบรรณคู่ธุรกิจ (Supplier Code of Conduct) 3.การประเมินผลสำหรับคู่ค้ารายปัจจุบัน บริษัทฯมุ่งพัฒนาธุรกิจให้เติบโตควบคู่ไปร่วมกันกับคู่ค้า โดยมีการกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงาน ประเมินผลงานคู่ค้าและความเสี่ยงทุก ๆ 6 เดือน และการคัดกรองคู่ค้า เพื่อนำไปพัฒนาศักยภาพสินค้าและบริการที่มีคุณภาพมอบให้แก่ลูกค้าได้อย่างยั่งยืน โดยพิจารณาจากคุณภาพของสินค้า การจัดส่งสินค้าและการส่งมอบงาน และความพึงพอใจ โดยบริษัทฯ จะทำการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของคู่ค้าประจำปี รวมทั้งกำหนดแนวทางปฏิบัติในการประเมินคู่ค้าทั้งก่อนและภายหลังการซื้อขาย ให้สามารถวัดผลและจัดเกรดคู่ค้าในแต่ละหมวดหมู่ได้ โดยกำหนดให้ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างเป็นผู้ประเมินศักยภาพคู่ค้าก่อนการซื้อขายเพื่อคัดกรองคู่ค้าที่มีผลการประเมินต่ำกว่าเกณฑ์ออกจาก Approved Vendor List  โดยเกณฑ์การให้คะแนนและผลการประเมินในปี 2567 สรุปได้ดังนี้
เกณฑ์คะแนนที่ได้ ผลการประเมินปี 2567
เกรด A ได้คะแนนช่วง 80-100 คะแนน คู่ค้าชั้นดี เป็นคู่ค้าที่บริษัทฯ จะดำเนินการซื้อ-ขายด้วยเป็นกลุ่มแรก 50 ราย
เกรด B ได้คะแนนช่วง 70-79 คะแนน 184 ราย
เกรด C ได้คะแนนช่วง 60-69 คะแนน 69 ราย
เกรด D ได้คะแนนช่วง 50-59 คะแนน 10 ราย
เกรด F ได้คะแนนต่ำกว่า 50 คะแนน นำเสนอคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อขอตัดออกจาก AVL 4 ราย
4.การจำแนกประเภทคู่ค้า บริษัทฯได้มีการทบทวนและจำแนกประเภทคู่ค้าหลัก (Critical Tier1 Supplier) และการจัดหมวดคู่ค้าที่จัดหาสินค้าและงานบริการให้กับคู่ค้าหลัก (Critical Non-Tier 1 Supplier) โดยมีเงื่อนไขดังนี้
กลุ่มคู่ค้าหลัก เงื่อนไข
Critical Tier 1 Supplier  -มูลค่าสั่งซื้อสะสมสูงสุด 80%  -เป็นส่วนประกอบหลักมีความสำคัญสูงในการพัฒนาโครงการ  -คู่ค้าหลักของบริษัท 
Critical Non-Tier 1 Supplier  -เป็นส่วนประกอบหลักมีความสำคัญสูงในการพัฒนาโครงการ  – ขนาดของกิจการ ขนาด L  -คู่ค้าหลักของบริษัท
โดยในปีนี้ สามารถสรุปผลการดำเนินงานด้านการจัดซื้อจัดจ้างได้ดังนี้
การดำเนินการ ผลการดำเนินการปี 2567
จำนวนคู่ค้าทั้งหมด (มูลค่าการสั่งซื้อ) 1,200 ราย (4,495,729,729 บาท)
จำนวนคู่ค้ารายสำคัญ Critical Tier 1 (มูลค่าการสั่งซื้อ) 14 ราย (2,926,733,721 บาท)
คู่ค้ารายใหม่ได้รับการตรวจประเมินก่อนการซื้อขายด้วยปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล (ESG) 100.00%
คู่ค้ารายใหม่ต้องรับทราบจรรยาบรรณคู่ธุรกิจ (Supplier Code of Conduct) ก่อนดำเนินการขึ้นทะเบียนในระบบ 100.00%
On site Survey คู่ค้ารายสำคัญ 14 ราย (จำนวนทั้งหมด 14 ราย)
คู่ค้าดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและความเป็นธรรมทางธุรกิจ 100%
คู่ค้าดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ 100%
คู่ค้าดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย 100%
คู่ค้าดำเนินการด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม 91%
คู่ค้าให้ความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลและทรัพย์สินทางปัญญา 100%
คู่ค้าให้ความสำคัญในการคุ้มครองแรงงานและสิทธิมนุษยชน ไม่เลือกปฏิบัติเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ 100%
คู่ค้าดำเนินการโดยให้ความสำคัญในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน 100%
ผลการประเมินความเสี่ยงด้าน ESG ลูกค้าปัจจุบัน ไม่พบความเสี่ยง
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายการดำเนินการ On-site ESG Audit คู่ค้ารายสำคัญของบริษัทให้ได้ ร้อยละ ร้อย ของผู้ค้ากลุ่ม Critical Tier 1 ซึ่งมีทั้งหมด 14 ราย ซึ่งตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และในปี 2568 มีเป้าหมายในการ audit คู่ค้าใน Tier 1 ครบ 100%  โดยจากการOn-site ESG Audit คู่ค้ารายสำคัญ คู่ค้าของบริษัท ฯ ได้ร่วมแสดงพลังแห่งความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยการปฏิบัติตามมาตรฐานที่เรากำหนดได้ครบถ้วนทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินธุรกิจด้วย ความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส และยึดมั่นในความเป็นธรรม การส่งมอบสินค้าและบริการที่ได้คุณภาพตรงตามมาตรฐานที่วางไว้ ตลอดจนการดูแลความปลอดภัยและสวัสดิภาพของแรงงานอย่างรอบด้านและยังแสดงให้เห็นถึงความตระหนักใน คุณค่าของสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียม โดยไม่เลือกปฏิบัติ เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย เป็นธรรม และเกื้อหนุนต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังยึดมั่นในเจตนารมณ์การ ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน อย่างเด็ดขาด ผลการปฏิบัติที่ครบถ้วนสมบูรณ์นี้ เป็นมากกว่าตัวเลข 100% แต่คือ เครื่องยืนยันถึงความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างบริษัทและคู่ค้า ในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่โปร่งใส เชื่อถือได้ และก้าวไปสู่อนาคตแห่งความยั่งยืนร่วมกัน และในปี 2567 ทางบริษัทฯ ได้มีการทำแบบสอบถามเพื่อประเมินความเสี่ยงด้าน ESG กับคู่ค้า พบว่า “ไม่มีความเสี่ยงด้าน ESG ที่เกิดจากคู่ค้า” ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม  และบรรษัทภิบาล (ESG Risk) ที่เกิดจากคู่ค้า และในส่วนของ 3 ปีย้อนหลัง (พ.ศ. 2565 – พ.ศ. 2567)
การดำเนินการ ผลการดำเนินการปี 2565-2567
จำนวนคู่ค้ารายสำคัญ Critical Tier 1 (มูลค่าการสั่งซื้อ)   30 ราย
นอกจากนี้ บริษัทมีการกำหนดเกณฑ์ในการชำระเงินสินเชื่อการค้า หรือ Credit Term ภายในระยะเวลา 15-60 วัน ขึ้นอยู่กับประเภทของคู่ค้า เช่นผู้รับเหมารายย่อย ได้รับ 15 วัน คู่ค้าสำหรับสินค้าหรือ อุปกรณ์อื่น ๆได้รับ  30 วัน ที่ผ่านมาบริษัทดำเนินการชำระเงินให้แก่คู่ค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 15-45 วัน ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ยืนหยัดดำเนินการประเมินคู่ค้าอย่างต่อเนื่องภายใต้กรอบ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งผลลัพธ์ที่ปรากฏสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมืออันแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นร่วมกันระหว่างบริษัทและคู่ค้าในการรักษามาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีจริยธรรม และเป็นไปเพื่อความยั่งยืน ในทุกปี คู่ค้าใหม่ทุกรายได้รับการตรวจสอบอย่างครบถ้วน พร้อมทั้งยอมรับ จรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) ก่อนเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ขณะที่คู่ค้าสำคัญก็ได้รับการตรวจสอบภาคสนามอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่อุปทานยังคงยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส ผลการประเมินในประเด็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นความซื่อสัตย์สุจริต คุณภาพของสินค้าและบริการ ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย การเคารพสิทธิมนุษยชน และการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ยังคงอยู่ในระดับ ร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างต่อเนื่องตลอดสามปี แม้ในด้านการปฏิบัติตามข้อกฎหมายสิ่งแวดล้อมจะยังมีบางส่วนที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง โดยผลการประเมินล่าสุดอยู่ที่ 91% แต่บริษัทได้ดำเนินการติดตามและวางแนวทางพัฒนาอย่างจริงจัง เพื่อให้คู่ค้าทุกฝ่ายสามารถปฏิบัติได้ครบถ้วนในอนาคตอันใกล้ ผลการดำเนินงานที่สม่ำเสมอเช่นนี้ ไม่เพียงตอกย้ำถึงความเข้มแข็งของระบบการกำกับดูแลห่วงโซ่อุปทาน แต่ยังสะท้อนถึง ความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และพันธกิจร่วมกัน ที่บริษัทและคู่ค้าได้ร่วมสร้างขึ้น เพื่อก้าวไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนและสร้างคุณค่าให้แก่สังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
การพัฒนาการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของคู่ค้า จัดหาและพัฒนาผลิตภัณฑ์อัจฉริยะและมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ออริจิ้น ร่วมมือกับคู่ค้า บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จัดหาและพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของออริจิ้นในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ โดยบริษัทฯจะนำโซลูชันเพื่อบ้านอัจฉริยะและอาคารสีเขียวที่หลากหลายของเดลต้าไปใช้ในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และร่วมมือกับเดลต้าเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับออริจิ้น โดยความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดีต่อสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ซึ่งสอดคล้องไปกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัท มุ่งมั่นสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อมาร่วมส่งมอบนวัตกรรมที่ช่วยสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ หรือ Low-carbon society ให้ผู้บริโภค เดลต้าถือเป็นพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนสอดคล้องกัน และเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีนวัตกรรมกรีนและนวัตกรรมอัจฉริยะต่างๆ อย่างครบถ้วน ซึ่งการ workshop ร่วมกัน ทางบริษัทฯ เชื่อว่าจะทำให้ได้รับนวัตกรรมใหม่ๆ สินค้าที่มีคุณภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระยะยาวครั้งนี้มุ่งเน้นให้ประโยชน์แก่ลูกค้าด้วยการส่งมอบสินค้าและโซลูชันที่หลากหลาย ตั้งแต่กลุ่มสมาร์ทโฮมโซลูชัน อาทิ ระบบอาคารอัตโนมัติ ระบบเฝ้าระวังความปลอดภัยอัจฉริยะ และโซลูชันการจัดการคุณภาพอากาศภายในอาคาร เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัย ความเป็นอยู่ที่ดี พร้อมช่วยประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ยังร่วมมือในการพัฒนาโซลูชันอาคารสีเขียวโดยใช้โซลูชันการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า พลังงานทางเลือกจากโซลาร์เซลล์ โดยนำร่องนำ EV Charger ที่ให้ประสิทธิพลังงานสูงถึง 94% มาใช้ในโครงการที่อยู่อาศัย