การจัดการด้านความยั่งยืนในมิติสังคม

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งมิติ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล เพื่อพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพและส่งมอบสินค้า และบริการที่ดีและตรงกับความต้องการของลูกค้าไปพร้อมกับการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้หลักบรรษัทภิบาล ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกฝ่าย

การจัดการด้านความยั่งยืนในมิติสังคม

นโยบายและแนวปฏิบัติด้านสังคม

บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาลและจริยธรรมทางธุรกิจ โดยให้ความสำคัญกับการเคารพสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างเป็นธรรม ทั้งพนักงาน คู่ค้า และลูกค้า ตลอดห่วงโซ่คุณค่า เรายึดมั่นในนโยบายการประกอบกิจการด้วยความเป็นธรรม ปราศจากการเลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบ พร้อมทั้งส่งเสริมการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันอย่างเป็นรูปธรรมผ่านการกำหนดแนวปฏิบัติที่ชัดเจน

ในด้านการปฏิบัติต่อพนักงาน บริษัทฯ จัดให้มีสภาพการจ้างงานที่เป็นธรรม เคารพสิทธิในการรวมกลุ่ม และจัดสรรสวัสดิการที่เหมาะสมครอบคลุมทั้งด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และคุณภาพชีวิตที่ดี สำหรับคู่ค้าทางธุรกิจ เราสนับสนุนการแข่งขันอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และเปิดโอกาสให้คู่ค้าทุกรายได้นำเสนอสินค้าและบริการภายใต้มาตรฐานเดียวกัน พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าให้เติบโตไปพร้อมกับองค์กร

ด้านความรับผิดชอบต่อลูกค้า บริษัทฯ มุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ในราคาที่เป็นธรรม พร้อมทั้งจัดให้มีช่องทางการสื่อสารและรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม เพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนดูแลรักษาข้อมูลของลูกค้าด้วยมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยสูงสุด

แนวปฏิบัติการดูแลและการพัฒนาสังคม

  • มุ่งมั่นประกอบธุรกิจอย่างมีจริยธรรม และมีความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม
  • สนับสนุนการมีส่วนร่วมและพัฒนาความเข้มแข็งของชุมชน และสังคม ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
  • ส่งเสริมกิจกรรมที่สร้างประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว โดยสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ 
  • สนับสนุนการอนุรักษ์และฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความสมดุลทางธรรมชาติ

การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence)

บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการเคารพสิทธิมนุษยชนในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยได้ดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence: HRDD) ตามหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGP) อย่างเคร่งครัด การดำเนินการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันและบรรเทาความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่การพัฒนาโครงการไปจนถึงการส่งมอบที่อยู่อาศัยและการให้บริการหลังการขาย

 

การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนตามห่วงโซ่คุณค่า

บริษัทได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างครอบคลุมในทุกห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ ดังนี้

ห่วงโซ่ที่ 1 การพัฒนาและออกแบบโครงการ (Development & Design)

ในขั้นตอนการพัฒนาและออกแบบโครงการ บริษัทให้ความสำคัญกับการประเมินผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน โดยเริ่มตั้งแต่การคัดเลือกทำเลที่ตั้งโครงการ ซึ่งจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชุมชนดั้งเดิม การออกแบบโครงการคำนึงถึงการใช้งานของผู้อยู่อาศัยทุกกลุ่มที่ทำให้ทุกคนสามารถใช้งานพื้นที่ได้อย่างเท่าเทียม

การวางผังโครงการให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลระหว่างพื้นที่พักอาศัยและพื้นที่สีเขียว การจัดการระบบสาธารณูปโภคที่ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนข้างเคียง รวมถึงการออกแบบระบบการจัดการน้ำและของเสียที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ตามที่กฎหมายกำหนด และเพิ่มเติมการประเมินผลกระทบทางสังคมเพื่อให้ครอบคลุมมิติด้านสิทธิมนุษยชนอย่างครบถ้วน

ห่วงโซ่ที่ 2 การขายและการตลาด (Sales & Marketing)

ในด้านการขายและการตลาด บริษัทยึดมั่นในหลักการสื่อสารที่โปร่งใสและเป็นธรรม โดยนำเสนอข้อมูลโครงการที่ครบถ้วน ถูกต้อง ไม่บิดเบือน เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยบนพื้นฐานของข้อมูลที่เป็นจริง การกำหนดราคาและเงื่อนไขการชำระเงินมีความยืดหยุ่นและเป็นธรรม คำนึงถึงความสามารถในการผ่อนชำระของลูกค้า

บริษัทให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อย่างเคร่งครัด มีระบบการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูง และกำหนดนโยบายการใช้ข้อมูลที่ชัดเจน โดยจะใช้ข้อมูลเฉพาะตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้และได้รับความยินยอมจากลูกค้าเท่านั้น

ห่วงโซ่ที่ 3 การจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Procurement)

การจัดซื้อจัดจ้างเป็นกระบวนการสำคัญที่บริษัทให้ความใส่ใจเป็นพิเศษในด้านสิทธิมนุษยชน โดยเริ่มตั้งแต่การคัดเลือกคู่ค้าและผู้รับเหมาที่มีการดำเนินงานที่เคารพสิทธิมนุษยชน มีการตรวจสอบประวัติและการดำเนินงานด้านแรงงานอย่างละเอียด โดยเฉพาะในประเด็นการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ และการเลือกปฏิบัติ

บริษัทได้จัดทำจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) ที่ครอบคลุมประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน และกำหนดให้คู่ค้าทุกรายต้องลงนามรับทราบและปฏิบัติตาม นอกจากนี้ ยังมีการตรวจประเมินคู่ค้าเป็นประจำ ทั้งการประเมินตนเองและการตรวจสอบ ณ สถานประกอบการ เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของคู่ค้าเป็นไปตามมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนที่บริษัทกำหนด

ห่วงโซ่ที่ 4  การก่อสร้าง (Construction)

การก่อสร้างเป็นขั้นตอนที่มีความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนสูง โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของแรงงาน บริษัทจึงกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด มีการจัดอบรมด้านความปลอดภัยให้แก่แรงงานทุกคนก่อนเริ่มงาน จัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่ได้มาตรฐาน และมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยประจำหน่วยงานก่อสร้างตลอดเวลา

ในด้านสภาพการจ้างงาน บริษัทกำหนดให้ผู้รับเหมาต้องจ่ายค่าแรงและสวัสดิการตามที่กฎหมายกำหนดเป็นอย่างน้อย จัดหาที่พักที่ถูกสุขลักษณะ และดูแลความเป็นอยู่ของแรงงานอย่างเหมาะสม มีการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างสม่ำเสมอ 

ห่วงโซ่ที่5 การส่งมอบและบริการ (Deliverable & Service)

ในขั้นตอนการส่งมอบและบริการหลังการขาย บริษัทให้ความสำคัญกับการส่งมอบที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพและปลอดภัย มีการตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียดก่อนส่งมอบ และให้การรับประกันที่ครอบคลุม มีระบบการจัดการข้อร้องเรียนที่มีประสิทธิภาพ และมีกระบวนการแก้ไขปัญหาที่รวดเร็วและเป็นธรรม

การบริหารจัดการผลกระทบ

แม้ว่าที่ผ่านมาบริษัทยังไม่พบกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ได้มีการเตรียมความพร้อมในการจัดการผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยจัดทำแผนการเยียวยาและบรรเทาผลกระทบที่ชัดเจน มีการจัดสรรงบประมาณสำรองสำหรับการดำเนินการดังกล่าว และกำหนดผู้รับผิดชอบในการจัดการปัญหาในแต่ละระดับ

การติดตามและรายงานผล

บริษัทมีระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบ โดยจัดให้มีการประชุมคณะทำงานด้านสิทธิมนุษยชนเป็นประจำทุกเดือน มีการรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการบริหารทุกไตรมาส และจัดทำรายงานประจำปีเพื่อเปิดเผยต่อสาธารณะ นอกจากนี้ ยังมีการทบทวนและปรับปรุงนโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนเป็นประจำทุกปี เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปและมาตรฐานสากลที่พัฒนาขึ้น

แผนการดำเนินงานในอนาคต

บริษัทมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง โดยได้กำหนดแผนการดำเนินงานในระยะต่อไป ประกอบด้วยการยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานในทุกห่วงโซ่คุณค่า การพัฒนาระบบการตรวจสอบและติดตามผลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่อุปทาน

บริษัทจะดำเนินการฝึกอบรมและพัฒนาศักยภาพของพนักงานและคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดการความเสี่ยงและการติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทสอดคล้องกับมาตรฐานสากลและสามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 บริษัทฯ มีแนวคิดการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลในแบบ Origin Culture ที่มุ่งเน้นความเป็น Ownership , Professional & Friendly โดยเปิดโอกาสให้พนักงานแสดงความคิด และพัฒนาศักยภาพในการทำงานได้อย่างเต็มที่

บริษัทฯ ตระหนักดีว่าบุคลากรคือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราจึงมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของพนักงานควบคู่ไปกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และเปิดโอกาสให้พนักงานทุกระดับได้แสดงความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่

ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ทบทวนและปรับปรุงวัฒนธรรมองค์กร (Core Values) ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมจากพนักงานทุกระดับ เพื่อให้เกิดความเข้าใจและการนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ค่านิยมหลักทั้ง 5 ประการ ได้แก่:

  1. Customer Empathy – การเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง: ส่งเสริมให้พนักงานเข้าใจความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าทั้งลูกค้าภายใน (พนักงานด้วยกันเอง) และลูกค้าภายนอก เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย
  2. Goal Synergy – หลอมรวมเป้าหมายเป็นหนึ่งเดียว: สร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ผสานพลังการทำงานเป็นทีม มุ่งสู่เป้าหมายองค์กรร่วมกัน
  3. Quality Crafted – คุณภาพที่ยอดเยี่ยม: ปลูกฝังจิตสำนึกในการทำงานอย่างพิถีพิถัน ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อสร้างผลงานที่มีคุณภาพสูงสุด
  4. Innovative Creativity – ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม: กระตุ้นให้พนักงานกล้าคิด กล้าทำ กล้านำเสนอไอเดียใหม่ๆ พร้อมสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมในทุกมิติ
  5. Sustainable Responsibility – ขับเคลื่อนด้วยความยั่งยืน: ปลูกฝังจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืน

เพื่อให้วัฒนธรรมองค์กรเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม บริษัทฯ ได้จัดทำแผนงานและกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การประกวดโครงการนวัตกรรม และการยกย่องชมเชยพนักงานที่เป็นแบบอย่างที่ดี นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ริเริ่มแนวคิดการแบ่งพนักงานออกเป็น 5 House ตาม Core Value ขององค์กร โดยแต่ละ House จะมีบทบาทเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์กิจกรรมและถ่ายทอดแนวคิดที่สอดคล้องกับ Core Value ที่ตนรับผิดชอบ การจัดตั้ง House ไม่เพียงช่วยส่งเสริมความเข้าใจในค่านิยมองค์กรอย่างลึกซึ้ง แต่ยังกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้ามสายงานและสร้างความผูกพันระหว่างพนักงานผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์ โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการพัฒนาบุคลากรควบคู่ไปกับการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง จะเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนในระยะยาว

โดยแต่ละ House ได้รับการออกแบบให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ มีการจัดกิจกรรมภายในอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจในค่านิยมองค์กรผ่านรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น  นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมสันทนาการที่สอดแทรกการเรียนรู้ อาทิ การแข่งขันเกม การทำกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ และการจัดงานเฉลิมฉลองความสำเร็จร่วมกัน การดำเนินงานของ 5 House ยังเน้นการสร้างความผูกพันระหว่างสมาชิก ผ่านการจัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น แลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์การทำงาน รวมถึงร่วมกันคิดค้นวิธีการใหม่ๆ ในการนำค่านิยมองค์กรไปประยุกต์ใช้ในการทำงานประจำวัน ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสมาชิกนี้ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการทำงานที่อบอุ่นเท่านั้น แต่ยังเอื้อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และการทำงานร่วมกันข้ามสายงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การจัดกิจกรรมในรูปแบบ House ยังสะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับเสียงสะท้อนของพนักงาน จากผลการสำรวจความคิดเห็นที่พบว่า การจัดงานสังสรรค์ในระดับองค์กรอาจไม่ตอบโจทย์พนักงานเท่าที่ควร เนื่องจากขนาดของงานที่ใหญ่ทำให้พนักงานไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้อย่างทั่วถึง บริษัทฯ จึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการจัดงานในระดับ House แทน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากพนักงาน เนื่องจากสมาชิกแต่ละ House มีโอกาสได้ร่วมกันออกแบบธีมงาน วางแผนกิจกรรมสันทนาการ และสร้างสรรค์เกมที่สอดคล้องกับความสนใจของกลุ่ม ส่งผลให้บรรยากาศของงานเต็มไปด้วยความสนุกสนานและความอบอุ่น พนักงานมีส่วนร่วมในกิจกรรมอย่างทั่วถึง และเกิดความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสมาชิกมากยิ่งขึ้น ความสำเร็จของการจัดกิจกรรมในรูปแบบนี้ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบ House เท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการรับฟังและตอบสนองต่อความต้องการของพนักงานอย่างแท้จริง

การสรรหาและคัดเลือกบุคลากร

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรโดยยึดหลักการสรรหาทรัพยากรมนุษย์ 5 ประการ ได้แก่ 

  1. หลักคุณธรรม (Merit System) ที่มุ่งเน้นความดีและความเหมาะสม 
  2. หลักความรู้ความสามารถ (Competency) ที่พิจารณาจากทักษะและศักยภาพที่จำเป็นต่อตำแหน่งงาน 
  3. หลักความเสมอภาค (Equality) ที่ให้โอกาสแก่ผู้สมัครทุกคนอย่างเท่าเทียม 
  4. หลักการให้โอกาส (Opportunity) ที่เปิดกว้างสำหรับผู้ที่มีศักยภาพในการพัฒนา 
  5. หลักความมั่นคง Security) ที่สร้างความเชื่อมั่นในการเติบโตร่วมกับองค์กร  

บริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างกระบวนการคัดเลือกที่เป็นธรรม โปร่งใส และเป็นระบบ โดยยึดหลักความเสมอ ภาคและไม่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งความแตกต่างทางอายุ เพศ เชื้อชาติ ศาสนา หรือสีผิว ทั้งนี้เพื่อให้ได้บุคลากรที่มีความส ามารถเหมาะสมและสามารถเติบโตไปพร้อมกับองค์กรได้อย่างยั่งยืน

กระบวนการคัดเลือกบุคลากรของบริษัทฯ ได้รับการออกแบบให้ครอบคลุมการประเมินทั้งด้านความรู้ ทักษะ และทัศนคติ โดยแต่ละตำแหน่งจะมีการทดสอบความสามารถเฉพาะทางที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน อาทิ การทดสอบทักษะภาษาต่างประเทศสำหรับตำแหน่งที่ต้องติดต่อกับลูกค้าต่างชาติ การทดสอบความสามารถด้านการเขียนโปรแกรมสำหรับตำแหน่งในฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือการทดสอบทักษะการนำเสนอสำหรับฝ่ายขาย นอกเหนือจากการประเมินความสามารถทางวิชาชีพแล้ว บริษัทฯ ยังนำเครื่องมือประเมินบุคลิกภาพ DISC มาใช้ในการวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมและแนวทางการทำงานของผู้สมัคร เพื่อให้มั่นใจว่าบุคลากรที่ได้รับการคัดเลือกจะสามารถทำงานร่วมกับทีมได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กรและค่านิยมหลักทั้ง 5 ประการ

บริษัทฯ ได้กำหนดมาตรฐานและแนวทางการสัมภาษณ์ที่ชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่อาจได้รับอิทธิพลจากความรู้สึกส่วนตัว อคติ หรือความลำเอียงใดๆ โดยใช้แบบประเมินมาตรฐานที่ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ประสบการณ์ ทักษะ และทัศนคติ การสัมภาษณ์แต่ละครั้งจะดำเนินการโดยคณะกรรมการสัมภาษณ์ซึ่งประกอบด้วยผู้บังคับบัญชาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่าหนึ่งท่าน เพื่อให้การพิจารณาเป็นไปอย่างรอบด้านและเป็นธรรม

ยิ่งไปกว่านั้นในการสัมภาษณ์จ้างงานยังมีเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจนรายบุคคล เพื่อให้เห็นภาพรวมในการเปรียบเทียบผู้สมัครแต่ละท่านด้วยความเป็นธรรมและโปร่งใส โดยการประเมินแต่ละครั้งจะมีหัวหน้าสายงานที่เกี่ยวข้องอยู่มากกว่า 1 คน เพื่อประกอบการตัดสินใจการรับสมัครของผู้สมัครแต่ละราย

บริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในด้านหลักความเท่าเทียม มนุษยธรรม ปราศจากการใช้แรงงานผิดกฎหมายทุกประเภท และการจ้างงานเป็นไปตามความโปร่งใสและปฏิบัติตามข้อกฎหมายแรงทุกประการ ทั้งในด้านประเมินทดลองงาน ชั้วโมงการทำงาน สวัสดิการวันหยุดความกฎหมาย ฯลฯ พนักงานทุกคนจะได้รับการเซ็นสัญญาจ้างในการปฏิบัติงาน

ในปี 2567 บริษัทฯ มีการจ้างพนักงานประจำและพนักงานสัญญาจ้าง ทั้งหมด 1,470 คน ในจำนวนนี้เป็นพนักงานหญิง 883 คน คิดเป็น 60% พนักงานชาย 587 คน คิดเป็น 40% โดยมีรายละเอียด ดังนี้

แบ่งตามระดับปฏิบัติงาน ดังนี้  

ระดับของพนักงาน

ชาย (คน)

หญิง (คน)

รวม (ร้อยละ (%))

Officer – Assistance Manager 

404

703

1,107 (75%)

Manager – Senior Manager 

110

130

240 (17%)

AVP – VP 

41

37

78 (5%)

SVP – CEO  

32

13

45 (3%)

รวม

587

883

1,470 (100%)

 

แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้ 

ช่วงอายุ

ชาย

หญิง

รวม

จำนวน

ร้อยละ (%)

จำนวน

ร้อยละ (%)

จำนวน

ร้อยละ (%)

ต่ำกว่า 30 ปี (ถึง 30)

284

19.1%

556

38%

840

57.1%

อายุ 31 – 45 ปี

241

17%

302

20%

543

37%

อายุ 46 – 55 ปี

60

4.1%

22

1.5%

82

5.6%

อายุ 56 ปีขึ้นไป

2

0.1%

3

0.2%

5

0.3%

รวม

587

40.3%

883

59.7%

1,470

100%

 

และในปีนี้มีพนักงานลาออกจากงานโดยสมัครใจ (Turnover rate) จำนวน 579 คน คิดเป็นร้อยละ 38.67% โดยแยกเป็นพนักงานชายจำนวน 215 คน คิดเป็นร้อยละ 14.36%  และเป็นพนักงานหญิงจำนวน 364 คน คิดเป็นร้อยละ 24.31%

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนคุณภาพชีวิตของคนพิการในสังคมไทย แม้ว่าในปัจจุบันบริษัทฯ ยังไม่มีการจ้างงานคนพิการโดยตรง (จำนวนการจ้างงานผู้พิการเป็นศูนย์) แต่บริษัทฯ ได้แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในอัตราส่วน 100:1 อย่างเคร่งครัด

การสนับสนุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมโอกาสในการพัฒนาศักยภาพและการประกอบอาชีพของคนพิการ สนับสนุนให้คนพิการสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีรายได้ และดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี อีกทั้งยังช่วยลดภาระของครอบครัวและสังคมในการดูแลคนพิการ รวมถึงสนับสนุนให้คนพิการได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนส่งเสริมการสร้างสังคมที่เท่าเทียมและเปิดโอกาสสำหรับทุกคน

บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการสนับสนุนผ่านกองทุนฯ นี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่การเป็นสังคมที่เปิดกว้างและให้โอกาสแก่ทุกคนได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป 

การกำหนดและบริหารค่าตอบแทน

บริษัทฯ มีนโยบายการบริหารค่าตอบแทนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม โดยออกแบบระบบค่าตอบแทนที่สามารถดึงดูด รักษา และสร้างแรงจูงใจให้พนักงานปฏิบัติงานได้อย่างเต็มศักยภาพ ระบบค่าตอบแทนของบริษัทฯ แบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก ได้แก่ ค่าตอบแทนทางตรงที่เป็นตัวเงิน ค่าตอบแทนทางอ้อมที่เป็นตัวเงิน และค่าตอบแทนที่ไม่เป็นตัวเงิน

  1. ค่าตอบแทนทางตรงที่เป็นตัวเงิน บริษัทฯ กำหนดโครงสร้างเงินเดือนและค่าตอบแทนที่สอดคล้องกับตลาดแรงงานและอุตสาหกรรม พร้อมทั้งจัดให้มีค่าคอมมิชชั่นสำหรับพนักงานในสายงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีนโยบายการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราเงินเดือนประจำปีและการจ่ายโบนัส โดยใช้ระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานผ่านตัวชี้วัดผลงาน (Key Performance Indicators: KPI) ที่สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร ร่วมกับการพิจารณาผลประกอบการของบริษัทฯ เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับความทุ่มเทและผลการปฏิบัติงาน
  2. ค่าตอบแทนทางอ้อมที่เป็นตัวเงิน บริษัทฯ จัดให้มีสวัสดิการและผลประโยชน์ที่ครอบคลุมความต้องการของพนักงาน ประกอบด้วยการประกันสังคมตามกฎหมาย ค่ารักษาพยาบาล การประกันสุขภาพและประกันชีวิต รวมถึงสิทธิการลาประเภทต่างๆ โดยได้รับค่าจ้าง เพื่อสร้างความมั่นคงและความอุ่นใจให้แก่พนักงาน
  3. ค่าตอบแทนที่ไม่เป็นตัวเงิน ผ่านการจัดโครงการมอบรางวัลเชิดชูเกียรติในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างขวัญ กำลังใจและแรงจูงใจในการทำงาน อาทิ รางวัล Employee of the Year ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อยกย่องพนักงานที่มีผลงานโดดเด่น รางวัล Origin Star Award ที่มอบให้แก่พนักงานที่สร้างผลงานยอดเยี่ยมในแต่ละไตรมาส และ รางวัล Congratulations Ceremony สำหรับพนักงานที่ได้รับคำชมเชยจากลูกค้า โดยรางวัลเหล่านี้ครอบคลุมพนักงานทั้งในส่วนสนับสนุน (Back Office) และส่วนปฏิบัติการ (Front Office)

การบริหารค่าตอบแทนในรูปแบบต่างๆ เหล่านี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสร้างความมั่นคงในอาชีพและโอกาสก้าวหน้าให้แก่พนักงาน ซึ่งนำไปสู่การรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพ และการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน

บริษัทฯ ตระหนักดีว่าบุคลากรคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน การลงทุนในการพัฒนาศักยภาพพนักงานจึงถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่สร้างผลตอบแทนทั้งในเชิงประสิทธิภาพการทำงานและการเติบโตขององค์กร ในปี 2567 บริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะเชิงลึกที่เฉพาะเจาะจงตามระดับตำแหน่งและสายงาน เพื่อเสริมสร้างความเชี่ยวชาญที่ตรงกับความต้องการทางธุรกิจ เพื่อพนักงานได้ใช้ความรู้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มประสิทธิภาพ นำพาองค์กรบรรลุเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ เปิดโอกาสความก้าวหน้าในสายงาน และเติบโตไปพร้อมกับความสำเร็จขององค์กร นอกจากนี้ยังได้มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะเชิงสมรรถนะด้านต่างๆ ที่ช่วยพัฒนาพนักงานทั้งด้านการทำงานเป็นทีม การเข้าสังคม การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขและปลูกฝังทักษะการเป็นผู้นำที่ดีในอนาคตให้กับพนักงานอีกด้วย 

โดยหลักสูตรการพัฒนาบุคลากร บริษัทฯ ได้จัดหลักสูตรให้กับพนักงานโดยนำมาจาก 2 แหล่งที่มา คือ

  • มาจากการประเมินผลงานประจำปี การปฎิบัติงานของพนักงานและทักษะเฉพาะ 

โดยนำผลการประเมินการทำงานร่วมกับทักษะเฉพาะที่ต้องการของแต่ละสายงานมาวิเคราะห์เพื่อกำหนดโครงการหรือหลักสูตรที่เหมาะสมเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการทำงานเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่างหลักสูตร

หลักสูตรเพื่อพัฒนาการก่อสร้างขั้นสูง  Beyond Construction Academy (BCA) ยกระดับมาตรฐานการทำงานของทีม Project Management และ Site Engineer ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมคุณภาพงานก่อสร้าง หลักสูตรนี้ครอบคลุมความรู้ที่จำเป็นอย่างครบถ้วน ตั้งแต่กฎหมายการก่อสร้าง มาตรฐานการก่อสร้าง ไปจนถึงระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง การวัดผลผ่านการทดสอบก่อนและหลังการอบรม (Pre-test และ Post-test) ช่วยให้บริษัทฯ สามารถติดตามพัฒนาการของพนักงานเป็นรายบุคคล และนำข้อมูลมาวางแผนการพัฒนาต่อยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งความรู้ที่พนักงานได้รับยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารโครงการ ทำให้สามารถส่งมอบงานได้เร็วขึ้นโดยเฉลี่ย 15 วันต่อโครงการ

หลักสูตรการอบรมงานผนังร้าว 

จากการประเมินผลการทำงานด้านงานบริการและงานซ่อมของแผนก Home care ปี 2566 ทำให้ทางบริษัทฯ ได้นำมาวิเคราะห์และจัดหลักสูตรเฉพาะขึ้น เพื่อพัฒนาทักษะงานบริการ งานซ่อมแซมเบื้องต้นให้กับช่างอาคารและทีมงาน Home care สำหรับแก้ไขงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับลูกบ้าน ลดความล่าช้าและลดข้อร้องเรียนจากการรอแก้ไขเป็นเวลา อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับพนักงานให้ดีมากยิ่งขึ้น โดยการอบรมครั้งนี้มีพนักงานเข้าร่วม 48 ท่าน ผลคะแนนเฉลี่ย Pre Test   9 คะแนน   , Post Test 15 คะแนน 

  • มาจากแบบสอบถาม ความคาดหวังและความต้องการของพนักงาน 

ทางบริษัทฯได้มีการจัดทำแบบสอบถามเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพประจำปี เพื่อวิเคราะห์ความต้องการทางด้านทักษะที่ใช้ในการทำงานแต่ละวิชาชีพและด้าน Soft Skill และออกแบบแนวทางการพัฒนาความสามารถที่ตรงตามความต้องการของพนักงานมากที่สุด นอกเหนือจากทักษะเฉพาะที่ต้องใช้ในการทำงาน  อาทิเช่น การใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน , ความรู้ด้านการตลาดและอสังหาริมทรัพย์ , การต่อรองและการเจรจา เป็นต้น

ตัวอย่างหลักสูตรที่มีการอบรมอื่นๆในปี 2567 

  1. โปรแกรม Executive Coaching โดยบริษัทฯ ได้เชิญปรึกษาที่มีประสบการณ์มากกว่า 40 ปีและเป็นที่ยอมรับในวงการธุรกิจ มาทำหน้าที่โค้ชแบบตัวต่อตัวให้กับผู้บริหารระดับสูง (Top Management) การโค้ชในรูปแบบนี้ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ ทั้งในด้านการพัฒนาทักษะการคิดเชิงกลยุทธ์ การตัดสินใจ และการประเมินสถานการณ์ ส่งผลให้ผู้บริหารสามารถวางกลยุทธ์องค์กรได้อย่างแม่นยำและเหมาะสมกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้บริหารค้นพบและพัฒนาศักยภาพที่ซ่อนเร้นภายในตนเอง ส่งผลให้สามารถบริหารจัดการความท้าทายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การพัฒนาทักษะการสื่อสารและความเข้าใจลูกน้อง ทั้งยังช่วยลดความขัดแย้งภายในองค์กรและสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เข้มแข็ง
  1. หลักสูตร Upskill We Strong บริษัทฯ ได้พัฒนาหลักสูตร เพื่อเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจให้แก่พนักงานในประเด็นสำคัญที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล โดยครอบคลุมสามหัวข้อหลักที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานในยุคปัจจุบัน ได้แก่ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) จรรยาบรรณทางธุรกิจ และการบริหารความเสี่ยง

ในส่วนของ PDPA หลักสูตรมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และแนวปฏิบัติที่ถูกต้องในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการละเมิดกฎหมายและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการ ส่งผลให้อัตราการร้องเรียนเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านจรรยาบรรณทางธุรกิจ หลักสูตรได้ปลูกฝังค่านิยมและแนวปฏิบัติที่ดีในการดำเนินธุรกิจ ครอบคลุมทั้งการต่อต้านคอร์รัปชัน การป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และการปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเป็นธรรม การฝึกอบรมในส่วนนี้ใช้กรณีศึกษาจริงและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อให้พนักงานสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริงได้

สำหรับการบริหารความเสี่ยง หลักสูตรได้เสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการระบุ ประเมิน และจัดการความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ทั้งความเสี่ยงด้านการปฏิบัติงาน ความเสี่ยงด้านการเงิน และความเสี่ยงด้านชื่อเสียง พนักงานได้เรียนรู้เครื่องมือและเทคนิคในการบริหารความเสี่ยง รวมถึงการจัดทำแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน

ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากหลักสูตรนี้ สะท้อนผ่านตัวชี้วัดสำคัญ อาทิ อัตราการปฏิบัติตามนโยบาย PDPA ที่สูงถึงร้อยละ 98 จำนวนข้อร้องเรียนด้านจริยธรรมที่ลดลงร้อยละ 75 และความสามารถในการระบุและจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรักษามาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดีและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม

การลงทุนในการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องนี้ได้สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าในหลายมิติ ทั้งด้านการเงินที่วัดได้จากการเพิ่มขึ้นของรายได้และการลดลงของต้นทุน ด้านการพัฒนาองค์กรที่เห็นได้จากนวัตกรรมและกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ความรู้และทักษะที่พนักงานได้รับยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร 

ทั้งนี้ในปี 2567 บริษัทฯ จัดหลักสูตรอบรมพนักงานเพื่อเพิ่มทักษะและศักยภาพในการทำงานให้แก่พนักงานจำนวน 60 หลักสูตร  รวม 29,971 ชั่วโมง โดยมีจำนวนชั่วโมงอบรมหรือกิจกรรมพัฒนาความรู้เฉลี่ยของพนักงาน 20.3 ชั่วโมงต่อคนต่อปี ซึ่งตรงตามเป้าหมายที่บริษัทฯ ได้ตั้งไว้ว่าจะพัฒนาบุคลากรให้ได้รับการพัฒนาศักยภาพ 20 ชั่วโมงต่อคนต่อปี  โดยในปี 2568 บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะพัฒนาบุคลากรให้ได้รับการพัฒนาศักยภาพเฉลี่ย 20 ชั่วโมงต่อคนต่อปี โดยต้องมีหลักสูตรที่มุ่งพัฒนาความรู้ ทักษะในสายงานและวิชาชีพให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้พนักงานมีประสิทธิภาพ และต้องเพิ่มในส่วนของกิจกรรมที่ส่งเสริมทั้งด้านอารมณ์และทักษะความรู้ และต้องเป็นกิจกรรมที่ส่งผลต่อความผูกพันภายในองค์กร ส่งผลต่อความสำเร็จในงานตามที่องค์กรมุ่งหวังต่อไป

บริษัทฯ มีการบริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานขององค์กร อย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ โดยการกำหนดมาตรการในการป้องกันดูแลความปลอดภัยของพนักงานทุกคนในองค์กร และมีมาตรการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกให้กับพนักงานในการปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสถานการณ์ และสอดคล้องกับการดำเนินงานตามลักษณะการดำเนินตามลักษณะการดำเนินธุรกิจ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและผลกระทบต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและธุรกิจ เช่นป้องกันการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดจากการทำงาน รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายอันเกิดมาจากการหยุดชะงักจากการเกิดอุบัติเหตุในการทำงาน บริษัทฯ จึงมุ่งสร้างและให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานในด้านความปลอดภัยย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี เพื่อสร้างความเป็นอยู่ดีที่ให้กับพนักงานและผู้รับเหมา ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องให้ได้รับความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีในระหว่างการทำงาน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่ไม่มีอุบัติเหตุจากการทำงาน บริษัทฯ จึงได้มีการได้จัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน และมีนโยบายด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเพื่อเป็นกรอบการดำเนินงาน 

การดูแลสุขภาวะและความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงานของพนักงาน

บริษัทฯ ให้ความสำคัญสูงสุดกับสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานทุกคน โดยมุ่งมั่นสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแก่พนักงาน ภายใต้นโยบาย “สุขภาพดี ความปลอดภัยมาก่อน” บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบการจัดการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่ครอบคลุมทุกมิติ พร้อมทั้งจัดสรรทรัพยากรและงบประมาณที่เพียงพอในการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน

ด้านการบริหารจัดการความปลอดภัย บริษัทฯ ได้จัดทำระบบการประเมินความเสี่ยงและแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ปฏิบัติงาน มีการฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินอย่างสม่ำเสมอ และมีการทบทวนปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยให้ทันสมัยอยู่เสมอ ส่งผลให้ในปี 2567 บริษัทฯ ไม่มีเหตุการณ์ที่นำไปสู่การบาดเจ็บและการเสียชีวิต ทำให้อัตราการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงาน (Lost Time Injury Frequency Rate: LTIFR) เป็นศูนย์ ทั้งในส่วนของพนักงานและผู้รับเหมา ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพของระบบการจัดการความปลอดภัยที่เข้มแข็ง

พนักงาน

สำหรับการดูแลสุขภาพ บริษัทฯ ได้จัดให้มีสวัสดิการด้านสุขภาพที่ครอบคลุมและเหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป ประกอบด้วยการตรวจสุขภาพประจำปี การทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพแบบกลุ่ม รวมถึงสิทธิพิเศษในการดูแลรักษาสุขภาพพนักงาน อาทิ ค่าทันตกรรม ค่าตัดแว่น และค่ารักษาพยาบาลที่นอกเหนือจากความคุ้มครองของประกันชีวิตแบบกลุ่ม ซึ่งนโยบายการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมนี้ช่วยให้พนักงานมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดในทุกสถานการณ์

ความสำเร็จในการดูแลสุขภาวะและความปลอดภัยของพนักงาน ไม่เพียงสะท้อนผ่านสถิติการบาดเจ็บที่เป็นศูนย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอัตราการลาป่วยที่ลดลง และความพึงพอใจของพนักงานต่อสวัสดิการด้านสุขภาพที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พนักงานทุกคน

โครงการคลินิกสุขภาพ

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับสุขภาพองค์รวมของพนักงาน ครอบคลุมทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพื่อส่งเสริมให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดให้มีการตรวจสุขภาพประจำปีที่ครอบคลุมการตรวจคัดกรองโรคที่สำคัญ พร้อมทั้งวิเคราะห์แนวโน้มสุขภาพของพนักงานเพื่อวางแผนป้องกันและส่งเสริมสุขภาพอย่างเหมาะสม

นอกเหนือจากการดูแลสุขภาพกายแล้ว บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพจิต โดยเฉพาะในสภาวะที่สังคมและการทำงานมีความท้าทายและความกดดันสูง จึงได้จัดให้มีบริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่พนักงานสามารถเลือกรับบริการได้ทั้งรูปแบบการพบแพทย์โดยตรง (Offline) หรือการปรึกษาผ่านระบบออนไลน์ (Online) ตามความสะดวกและความต้องการของแต่ละบุคคล โดยไม่มีการกดดันในการเลือกรูปแบบการรับบริการ 

การให้บริการทั้งสองรูปแบบดำเนินการภายใต้หลักการรักษาความลับและความเป็นส่วนตัวอย่างเคร่งครัด ช่วยให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยและสบายใจในการเข้ารับคำปรึกษา โครงการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ใส่ใจในสุขภาวะที่ดีของพนักงานอย่างรอบด้าน และส่งเสริมให้พนักงานสามารถดูแลสุขภาพจิตของตนเองได้อย่างเหมาะสม

ประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของพนักงาน

บริษัทฯ มุ่งมั่นในการพัฒนาสวัสดิการด้านการประกันสุขภาพให้ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของพนักงาน โด ยได้ดำเนินการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากผลการตรวจสุขภาพประจำปีและสถิติการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากประกันกลุ่มของพนักงานในปี 2566 เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบการเจ็บป่วยและความต้องการด้านการรักษาพยาบาลของพนักงาน

จากการ วิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว บริษัทฯ ได้เจรจาและร่วมออกแบบแผนประกันสุขภาพรูปแบบใหม่กับบริษัทประกันชั้นนำ เพื่อขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมการรักษาที่จำเป็นและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของพนักงานในยุคปัจจุบัน โดยเพิ่มความคุ้มครองในส่วนของการรักษาทางเลือกและการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันที่ประกันส่วนใหญ่ไม่คุ้มครอง อาทิ การกายภาพบำบัด การครอบแก้ว การฝังเข็ม ไมเกรน รวมไปถึงการรักษาด้านสุขภาพจิต เช่น การบำบัดความเครียดและปัญหาการนอนไม่หลับ

การปรับปรุงสวัสดิการประกันสุขภาพครั้งนี้ สะท้อนถึงความใส่ใจของบริษัทฯ ในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของพนักงาน และความมุ่งมั่นในการพัฒนาสวัสดิการให้ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของพนักงานอย่างแท้จริง

บริษัทฯ ยังได้มีการใส่ใจในเรื่องของความสะอาดของพื้นที่ทำงานของพนักงาน เพราะสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี น่าอยู่ จะทำให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีการทำความสะอาดพื้นที่ในทุก ๆ เช้าก่อนเริ่มงาน ทำความสะอาดโต๊ะของพนักงานเป็นประจำทุกสัปดาห์ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อช่วยลดการติดเชื้อในพื้นที่ที่มีการสัมผัสบ่อย และฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อที่สำนักงานใหญ่ พร้อมทั้งรักษาความสะอาดในจุดที่มีการสัมผัสบ่อยและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย เช่น ในจุดห้องครัว ห้องน้ำ จุดทิ้งขยะ จะมีแม่บ้านคอยดูแลในเรื่องของความสะอาดอยู่ตลอด เพื่อเลี่ยงต่อการเป็นจุดสะสมของเชื้อโรคที่อาจะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ และยังมีการจัดกิจกรรม Big Cleaning Day ทุกครึ่งปี เพื่อให้พนักงานได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานของตัวเองให้ดีขึ้น และได้ร่วมส่งต่อของที่ไม่ใช้แล้วให้กับผู้อื่น ผ่านกิจกรรม CSR ของทางบริษัทฯอีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการส่งเสริมสร้างความผูกพันของคนในองค์กร รักษาพนักงาน เพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการดูแลในส่วนของอาชีวอนามัย สภาพแวดล้อมที่ทำงาน ยังส่งเสริมในเรื่องให้พนักงานมีสุขภาพจิตใจที่ดีมีชีวิตความเป็นอยู่ดีที่ มีประสิทธิภาพพร้อมในการดำเนินงานต่างๆ จึงได้จัดให้มีสวัสดิการพื้นฐาน และสวัสดิการเพิ่มเติมให้กับพนักงาน อาทิ    

  • มอบวันหยุดพิเศษให้ในเดือนเกิด จำนวน 1 ครั้ง
  • สวัสดิการคุณพ่อลาคลอด ที่ให้พนักงานชายสามารถลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรที่เพิ่งเกิดใหม่ได้ จำนวน 10 วัน 
  • การมอบเงินรางวัลเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจสำหรับพนักงานที่สามารถปฏิบัติงานได้บรรลุตามเป้าหมาย รวมทั้งมีการมอบเงินรางวัลพิเศษอื่นๆ 
  • บริษัทฯ ได้จัดให้มีการช่วยเหลือพนักงานในวาระต่างๆ เช่น ช่วยเหลือกรณีคลอดบุตร, กระเช้าเยี่ยมผู้ป่วยกรณีเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เงินช่วยเหลือพนักงานกรณีเกิดเหตุการณ์ทางธรรมชาติ
  • บริษัทฯได้จัดให้มีทุนการศึกษาในระดับปริญญาโทกับพนักงานที่มีศักยภาพ 
  • มีการจัดงานเลี้ยงประจำปีบริษัท ปีละ 2 ครั้ง รวมถึงกิจกรรมตามวันสำคัญต่างๆ เพื่อเพิ่มสีสัน สร้างความสัมผัสในแผนกและระหว่างแผนก สร้างบรรยากาศ และเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดจากการทำงานให้กับพนักงาน เช่น กิจกรรมเลี้ยงสังสรรค์วันปีใหม่ กิจกรรมตามวันสำคัญต่างๆ กิจกรรม happy hour ส่งต่อความสุขให้พนักงานทุกเดือน กิจกรรม ORIGIN CLUB คลับสำหรับพนักงานออริจิ้น ได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น บอร์ดเกมส์ กีฬา งานอดิเรกต่างๆ เพื่อให้เกิดปฎิสัมพันธ์และรู้จักกันมากขึ้นระหว่างแผนก 

การประเมินความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงสะท้อนจากพนักงาน โดยได้จัดทำการสำรวจความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร (Employee Engagement Survey) ที่ครอบคลุมพนักงานทุกระดับและทุกหน่วยงาน เพื่อนำข้อมูลและข้อเสนอแนะมาพัฒนาปรับปรุงนโยบายและแนวทางการบริหารทรัพยากรบุคคลให้ตอบสนองความต้องการของพนักงานได้อย่างแท้จริง

การสำรวจประกอบด้วย 5 หมวดหลักที่สะท้อนปัจจัยสำคัญในการสร้างความผูกพันต่อองค์กร ได้แก่

  1. สภาพแวดล้อมในการทำงาน: ประเมินความเหมาะสมของสถานที่ทำงาน อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
  2. ความรู้สึกผูกพันและการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร: วัดระดับความภาคภูมิใจและความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
  3. โอกาสในการเติบโตของอาชีพและความมั่นคงขององค์กร: ประเมินความเชื่อมั่นในเส้นทางความก้าวหน้าและอนาคตขององค์กร
  4. การสื่อสารและวัฒนธรรมในองค์กร: วัดประสิทธิภาพของการสื่อสารภายในและความสอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กร
  5. สัมพันธภาพและความเชื่อมั่นกับหัวหน้างาน: ประเมินคุณภาพความสัมพันธ์และการสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา

ในการประเมิน บริษัทฯ ใช้มาตรวัดแบบ 4 ระดับ โดย 4 = มากที่สุด, 3 = มาก, 2 = ปานกลาง และ 1 = น้อยที่สุด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนและสามารถนำไปวิเคราะห์เชิงปริมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยนอกเหนือจากการประเมินเชิงปริมาณแล้ว บริษัทฯ ยังได้ออกแบบคำถามปลายเปิดที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็นและความต้องการอย่างอิสระใน 3 ประเด็นสำคัญ เพื่อเน้นการใส่ใจรับฟังความคิดเห็นของพนักงานอย่างลึกซึ้ง ดังนี้

  1. ความต้องการการสนับสนุนเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน บริษัทฯ เปิดโอกาสให้พนักงานระบุสิ่งที่ต้องการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ เครื่องมือ การฝึกอบรม หรือการสนับสนุนในรูปแบบอื่นๆ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้บริษัทฯ สามารถจัดสรรทรัพยากรได้ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของพนักงาน และช่วยขจัดอุปสรรคในการทำงานที่อาจไม่สามารถค้นพบได้จากการประเมินแบบปิด
  2. ข้อเสนอแนะเพื่อการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาองค์กร พนักงานสามารถเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการเห็นในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นด้านนโยบาย กระบวนการทำงาน วัฒนธรรมองค์กร หรือการบริหารจัดการ ความคิดเห็นเหล่านี้เป็นข้อมูลที่มีค่าอย่างยิ่ง เนื่องจากพนักงานคือผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับการปฏิบัติงานจริงและสามารถมองเห็นโอกาสในการพัฒนาที่ผู้บริหารอาจมองข้าม
  3. แผนการพัฒนาตนเองและเป้าหมายในอนาคต บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการเข้าใจเป้าหมายและความคาดหวังในอาชีพของพนักงาน โดยเปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงวิสัยทัศน์ส่วนตัว แผนการพัฒนาตนเอง และเป้าหมายในอาชีพ ข้อมูลนี้ช่วยให้บริษัทฯ สามารถวางแผนพัฒนาบุคลากรและเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของพนักงานแต่ละคน

การรวบรวมข้อมูลจากคำถามปลายเปิดทั้งสามด้านนี้ ช่วยให้บริษัทฯ ได้รับข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่า ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาองค์กรที่ตอบโจทย์ความต้องการของพนักงานอย่างแท้จริง โดยฝ่ายทรัพยากรบุคคลจะนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ จัดกลุ่มประเด็น และนำเสนอต่อผู้บริหารระดับสูงเพื่อกำหนดแผนการพัฒนาและปรับปรุงองค์กร สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับเสียงของพนักงานทุกระดับ และความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคน

โดยในปีนี้ระดับความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรในปี 2567 คิดเป็น 82% ซึ่งผลการสำรวจและข้อเสนอแนะทั้งหมดจะถูกนำมาวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อกำหนดแผนการพัฒนาและปรับปรุงที่ตอบสนองความต้องการของพนักงาน อันจะนำไปสู่การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี และความผูกพันที่แข็งแกร่งระหว่างพนักงานกับองค์กร และในปี 2568 บริษัทฯ มีเป้าหมายในการพัฒนาความสัมพันธ์ของพนักงานภายในองค์กรผ่านการดำเนินงานในทุกๆด้าน ทั้งการทำงาน ความปลอดภัย สภาพแวดล้อม กิจกรรมภายในองค์กร และสวัสดิการต่างๆ เพื่อมีความมุ่งหวังให้ระดับความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรดีขึ้น อยู่ในองค์กรอย่างมีความสุข โดยเป้าหมายไม่น้อยกว่า 80% 

ความปลอดภัยของพนักงาน

ในส่วนของการจัดการความปลอดภัยสำหรับพนักงานที่ประจำสำนักงาน (Back Office) บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะสำหรับพนักงานสำนักงาน โดยมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบและครอบคลุมทุกมิติของความปลอดภัย เริ่มตั้งแต่การฝึกซ้อมอพยพหนีไฟประจำปี ซึ่งจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้พนักงานคุ้นเคยกับขั้นตอนการอพยพและเส้นทางหนีไฟ รวมถึงการใช้อุปกรณ์ดับเพลิงเบื้องต้น ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการรับมือกับเหตุฉุกเฉิน

นอกจากนั้น ยังได้จัดให้มีการประชุมอบรมด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และปลูกฝังวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงาน พร้อมทั้งดำเนินการประเมินความเสี่ยงในการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ เพื่อค้นหาและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมการทำงาน ในด้านการจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพ บริษัทฯ ได้ลงทุนในการจัดหาเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่ออกแบบตามหลักการยศาสตร์ โดยเฉพาะเก้าอี้และโต๊ะทำงานที่สามารถปรับระดับได้ เพื่อให้เหมาะสมกับสรีระของพนักงานแต่ละคน ช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บจากท่าทางการทำงานที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบแสงสว่างที่ได้มาตรฐาน เพื่อถนอมสายตาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และแม้ว่าบริษัทฯ จะไม่ได้จัดตั้งห้องพยาบาลเป็นของตนเอง แต่ได้อำนวยความสะดวกให้พนักงานสามารถเข้าถึงบริการห้องพยาบาลของอาคาร ซึ่งมีการจัดเตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่จำเป็นอย่างครบครัน พร้อมให้การดูแลในกรณีที่พนักงานเจ็บป่วยหรือต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์เบื้องต้น

การดำเนินการด้านความปลอดภัยอย่างครอบคลุมและต่อเนื่องนี้ ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรักษามาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานได้เป็นอย่างดี สะท้อนผ่านสถิติการเกิดอุบัติเหตุในสำนักงานที่อยู่ในระดับต่ำ และความพึงพอใจของพนักงานต่อสภาพแวดล้อมการทำงานที่อยู่ในระดับสูง

คู่ค้า ผู้รับเหมา

บริษัทฯ ได้กำหนดนโยบายมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและได้บังคับใช้กับพนักงานรวมทั้งผู้รับเหมาในงานต่างๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง พนักงานและแรงงานทุกคนสามารถปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม รวมถึงลดอุบัติภัย มิให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพและอนามัยของพนักงานและแรงงานผู้รับเหมา ด้วยเป้าหมายที่ต้องการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน เนื่องจากบริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในงาน และยังเป็นสิ่งที่ต้องกระทำเพื่อให้เกิดการทำงานที่ปลอดภัยที่ยั่งยืนอีกด้วย รวมถึงแทรกอยู่ในระบบความคิดของการทำงานเสมอ 

แนวทางการปฏิบัติ

  • มีการตรวจสอบสุขอนามัย และความปลอดภัยในสถานที่ทำงานอย่างสม่ำเสมอ ส่งเสริม และตรวจสอบการสวมใส่อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยต่างๆ ของพนักงานในพื้นที่ปฏิบัติงาน
  • ไม่ละเลย หรือ เพิกเฉย ต่อการกระทำ หรือ ข้อบกพร่องใดๆ ในสถานที่ทำงาน อันอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อพนักงาน
  • มีมาตรการ หรือ แผนงานที่จะตอบรับต่อสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
  • จัดอบรม ให้ความรู้ ความเข้าใจแก่พนักงาน เกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย และแผนฉุกเฉินต่างๆเพื่อให้พนักงานได้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง และทันท่วงทีเมื่อเกิดอุบัติภัย หรือสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
  • การปฏิบัติในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ สถานการณ์ไม่ปกติ

– บันทึกเหตุการณ์ข้อร้องเรียนต่างๆ ด้านอาชีวอนามัย และความปลอดภัย ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานระหว่างคู่ค้ากับบริษัท ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงทุกครั้ง และรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่ออย่างสม่ำเสมอ

– จัดเก็บสถิติอุบัติเหตุ จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บในการดำเนินงานกับบริษัทอย่างเป็นระบบ และพร้อมที่จะให้ข้อมูลกับบริษัทเพื่อรายงานผลการดำเนินงานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพ ในการดูแลความปลอดภัยในการทำงานของพนักงานในสำนักงานและหน้างาน รวมทั้งร่วมมือกับคู่ค้าและผู้รับเหมาในการวางมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยร่วมกัน จัดให้มีการปลูกฝังทัศนคติและความเข้าใจในการบริหารและดูแลงานความปลอดภัยให้กับพนักงานทุกระดับ เพื่อให้พนักงานทุกคนมีความรู้ความเข้าใจในการทำงาน และรับทราบถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมทั้งจากหน่วยงานของตนเองและหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน มีการกำหนดแนวทางที่ชัดเจนและสามารถปฏิบัติได้จริงเมื่อเกิดสถานการณ์ ฉุกเฉินหรืออันตราย มีการสื่อสารและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบาย และ แนวปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยได้มีการจัดประชุมด้านความปลอดภัยเป็นประจำทุกเดือน และมีการอบรมพนักงานใหม่ ก่อนเริ่มงานทุกครั้ง มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมความปลอดภัย  เพื่อสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้กับคนงาน ผู้รับเหมาในโครงการ นำไปสู่ความร่วมมือในการควบคุม ดูแล และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด สร้างความมั่นใจว่าเมื่อเกิดอันตราย หรืออุบัติเหตุ

บริษัทฯ ดำเนินการจัดอบรม ฝึกซ้อมดับเพลิงเบื้องต้น ประจำโครงการก่อสร้าง โดยมีหัวข้อบรรยายในการอบรมและซ้อมกรรมวิธีในเรื่องแผนการดับเพลิงและวิธีการดับเพลิง แผนการอพยพหนีไฟและวิธีการอพยพหนีไฟ การค้นหาและการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น อีกทั้งยังมีการจัดการประชุม อบรมความปลอดภัยอาชีวอนามัย และจัดกิจกรรมการตรวจสอบการทำงานที่ไม่ปลอดภัย (Site Walk) ในทุกโครงการเป็นประจำสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยมีหัวข้อการอบรมในเรื่องกฎระเบียบ ข้อบังคับ ของโครงการ เช่น ความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง ความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร การจัดการกับฝุ่นภายในโครงการ/การเลือกใช้เครื่องมือ ความปลอดภัยการทำงานตัดเจียรเหล็ก/การสวมใส่ PPE ความปลอดภัยในการใช้นั่งร้านในการขึ้นไปทำงานแต่ละชั้น การทิ้งขยะและคัดแยกขยะภายในโครงการ ความปลอดภัยงานเชื่อมงานรื้อถอน และการทำงานเสียงดัง เสียงรบกวน ที่ก่อให้เกิดผลกระทบข้างเคียง เป็นต้น ในปีนี้ได้มีการอบรมทั้งหมด 12 โครงการ รวม 1,050 คน 

 รวมถึงจัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอุบัติเหตุอันตรายในโครงการ ผ้าใบกันวัสดุตกหล่น/ Mesh sheet สำหรับกันฝุ่นละอองความปลอดภัย  ราวกันตกและ Sheet pile กันดินพังทลาย 

จัดให้มีการทำความสะอาดภายในและภายนอกโครงการอยู่เสมอ กำหนดจุดรวมขยะ จัดให้มีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกัน ระบบเตือนภัย พื้นที่จัดเก็บวัตถุไวไฟ

ในด้านโรคระบาดได้จัดทำแผนป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคต่างๆ ให้กับทางแรงงานรับทราบและปฎิบัติตามเพื่อป้องกันการเกิดโรค รวมถึงจัดให้มีการประเมินกิจกรรมด้านความปลอดภัยเป็นประจำทุกเดือน

จากความร่วมมือดำเนินงานร่วมกันระหว่างบริษัทฯ และผู้รับเหมา ในการดำเนินงานด้านความปลอดภัย และสุขอนามัยของพนักงานและแรงงาน ถือเป็นการดำเนินงานด้านการสร้างมาตรฐาน และยกระดับการบริหารงานด้านความปลอดภัย และอาชีวอนามัยของผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้ ใน 365 วัน บริษัทฯ ไม่พบกรณีพนักงานและแรงงานหยุดงานเกิน 3 วัน และ 7 วัน การหยุดงานเกินเป็น 0

บริษัทฯ มีเป้าหมายในการเป็นผู้นำทางด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจร โดยส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ทั้งในด้านทำเล ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทันสมัยใช้งานได้จริง มีความปลอดภัยและสะดวกสบายในการใช้ชีวิตในราคาที่คุ้มค่าและเข้าถึงได้ ซึ่งทำให้บริษัทฯให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าและบริการให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงความต้องการของลูกค้าและเทคโนโลยีที่ทันสมัย

เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานของโครงการ บริษัทฯได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการให้บริการและคุณภาพของสินค้าอยู่เสมอเพื่อให้มีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยมีความมุ่งหวังการส่งมอบสินค้าและผลิตภัณฑ์สู่ผู้บริโภคภายใต้แนวคิด “Creative Living for All” สร้างสรรค์ชีวิต คิดเพื่อคุณ มุ่งพัฒนาคอนโดมิเนียมที่คำนึงถึงทุกมิติของการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบาย ความปลอดภัย การปรับสมดุลชีวิต การพักผ่อน ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้น โดยให้ความสำคัญกับ 3 เรื่อง ได้แก่

  1. Insight วิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าด้านต่างๆ อาทิ ทำเล การใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ การลงทุน อย่างจริงจัง เพื่อออกแบบสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะในทำเลนั้นๆ
  2. Initiative นำ Insight มาพัฒนาต่อยอด ริเริ่มฟังก์ชันใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างสร้างสรรค์ ตอบสนองทุกมิติของการใช้ชีวิต 
  3. Implementation นำเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ มาช่วยยกระดับคุณภาพมาตรฐานของโครงการ ตลอดจนบริการต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับคุณภาพชีวิตของผู้คน

ปี 2567 ทางบริษัทฯได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาสินค้าและบริการ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่กระบวนการคิดออกแบบจนถึงการส่งมอบสินค้าเพื่อให้ได้สินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ซึ่งกลยุทธ์ด้านคุณภาพและการบริการ (Quality & Services) ของบริษัทในปีนี้ จะให้ความสำคัญกับ 4 ด้าน ได้แก่

  • People Development ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรด้านคุณภาพและบริการอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการ Upskill และ Reskill เช่น การจัดกิจกรรมอบรมแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้ (Knowledge Sharing) ร่วมกับเหล่าพันธมิตรชั้นนำที่มีประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์




  • Product Design พัฒนาการออกแบบสินค้าอย่างมี

คุณภาพด้วยทีมนักออกแบบมืออาชีพ เพื่อให้โครงการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งมีทีมวิจัยเพื่อการพัฒนาที่เป็นเลิศ (RED TEAM) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาทั้งทางด้านสินค้าและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบรับความต้องการของลูกค้า รวมถึงพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ทันต่อยุคสมัยปัจจุบัน

โดยในปีนี้ทางบริษัทฯ ได้มีการจัดประกวดโครงการเพื่อพัฒนานวัตกรรมทั้งในระดับพนักงานและ นักศึกษาฝึกงานเพื่อหาแนวคิดและข้อเสนอแนะใหม่ๆเพื่อมาพัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น



ORIGIN YOUNG CREATOR ประกวดผลงานนักศึกษาฝึกงาน เพื่อให้นักศึกษาที่ฝึกงานได้มีโอกาส แสดงความคิดเห็นในการพัฒนาองค์กรที่อยากให้เป็น และมีส่วนร่วมในการนำเสนอแนวคิด การออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมนวัตกรรมใหม่ๆสำหรับที่อยู่อาศัย เพื่อนำมาเป็นข้อเสนอแนะในการออกแบบ ปรับปรุงพัฒนาโครงการ เพราะเชื่อว่า ข้อแนะนำจากเด็กรุ่นใหม่ จะเป็นอีกหนึ่งความคิดสร้างสรรค์และเข้าถึง ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าอีก Gen หนึ่งได้อีกด้วย โดยมีเด็กฝึกงานเข้าร่วมโครงการจำนวน 23 คน รวม 23 โครงการ  อาทิเช่น การจัดการขยะ การเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างโครงการ แอฟพริเคชั่นสำหรับลูกบ้าน ซึ่งบริษัทฯ จะนำแนวคิดเหล่านี้มาพัฒนาโครงการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าต่อไป 

ORIGIN INNOVATION LEARDERSHIP (OIL) รุ่นที่ 5-6 

โครงการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำในโลกยุคใหม่ โดยเน้นทักษะด้านความสามารถเชิงสมรรถนะ (Soft Skill) ร้อยละ 70 และความรู้ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ 30 กลุ่มผู้เข้าร่วมคือผู้บริหารระดับกลาง-สูงทั้งหมด โดยคาดหวังว่าผู้เรียนจะมีแนวคิดเกี่ยวกับผู้นำยุคใหม่ ทั้งในเรื่องการทำงาน การแก้ไขปัญหา และการบริหารทีมงาน และการบริหารทีมงานพร้อมกับร่วมประกวดโครงการ นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อ เป็นประโยชน์ให้กับทั้งบริษัทและลูกค้า โดยมีเกณฑ์คือการสร้างความสุขและความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเป็นหลัก ในปี 2567 มีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 120 คน และมีผลงานส่งเข้าประกวดทั้งสิ้น 10 โครงการ อาทิ ขายของมงคลตกแต่งบ้านและคอนโด Wyde Interior Franchise แฟรนไชส์ร้านของตกแต่ง ,Origin Self Storage บริการเก็บของชิ้นใหญ่รายปี, Psychologist & Counseling Service พื้นที่ดูแลสุขภาพใจในคอนโด ,Park System ระบบแจ้งที่จอดรถว่างในโครงการ เป็นต้น โดยโครงการที่ประกวดทั้งหมดได้นำมาพัฒนาต่อยอดและดำเนินงานจริงในองค์กร

  1. Product Quality มุ่งมั่น คัดสรร จัดซื้อวัตถุดิบในการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยกระดับการรับรองคุณภาพงานก่อสร้าง หรือ Quality Assurance ผ่านแอปพลิเคชัน Origin QA โดยเป็น Construction Tech App ที่ให้ทีมงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง สามารถเข้ารายงานและดูสถานะของห้องชุดแต่ละห้องในโครงการได้แบบ Real-time ซึ่งแบ่งแยกสถานะแต่ละห้องตามความเรียบร้อยของคุณภาพงานก่อสร้าง เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถเข้าแก้ไขได้อย่างเหมาะสม

โดยพร้อมกันนี้ทางบริษัทฯ พร้อมพันธมิตร ผู้รับเหมา ได้ร่วมมือตรวจสอบคุณภาพโครงการก่อนส่งมอบภายใต้มาตรฐาน “Origin Check&Sure คุณภาพทำด้วยใจ” ใส่ใจ ทุกรายละเอียดในการก่อสร้าง เพื่อส่งมอบโครงการที่ดีที่สุด สวยที่สุด มีคุณภาพที่สุด ให้แก่ลูกค้า  โดย “Origin Check&Sure” นั้นจะเป็นรากฐานสำคัญในการตอกย้ำว่าเราเป็น Developer  ที่ทำงานอย่างมืออาชีพ ใส่ใจในทุกรายละเอียด และคำนึงถึงคุณภาพในทุกขั้นตอนการสร้าง เพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพสำหรับการใช้ชีวิตที่ ดีที่สุดเเก่ลูกค้าทุกคนด้วยใจ

  1. Service Excellence ครอบคลุม บริการหลังการขาย ทั้งงานดูแลห้องลูกค้า และดูแลการใช้ชีวิตของลูกค้า ผ่านพันธมิตร ที่หลากหลายทั้งในเครือ และภายนอก เพื่อส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า

นวัตกรรมเด่น ปี 2567

ระบบ QA Application สำหรับการตรวจสอบคุณภาพงานก่อสร้าง 

เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบคุณภาพงานก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ระบบถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงการทำงานระหว่างทีม Consult Management ที่เป็น Third Party และฝ่าย Quality Assurance (QA) ของบริษัทฯ ให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วยิ่งขึ้น ภายในแอปพลิเคชันนี้ได้แบ่งการตรวจสอบออกเป็น 4 หมวดงาน ได้แก่ 

  1. งานก่อนปิดฝ้า 
  2. งาน Wet work และ 
  3. งาน End Product 
  4. งาน Function 

โดยกำหนดเกณฑ์มาตรฐานการตรวจสอบที่ 80 คะแนน หากต่ำกว่านี้จะต้องดำเนินการแก้ไขและส่งตรวจใหม่ ระบบสามารถบันทึกภาพถ่ายและแนบเอกสารประกอบการตรวจสอบได้ทันที พร้อมทั้งระบุวันเวลาและผู้ตรวจสอบอย่างชัดเจน ทำให้การตรวจสอบมีความโปร่งใสและตรวจสอบย้อนหลังได้ แอปพลิเคชันนี้ช่วยยกระดับคุณภาพงานก่อสร้างให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า โดยลูกค้าจะได้รับห้องที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียดตามมาตรฐานที่กำหนด สามารถตรวจสอบประวัติการตรวจงานย้อนหลังได้ และมั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนการก่อสร้างผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด

ในส่วนของบริษัท นวัตกรรมนี้ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานด้านเอกสาร ประหยัดเวลาในการส่งรายงานระหว่างทีมงาน และมีฐานข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์เพื่อพัฒนาคุณภาพงานในอนาคต นอกจากนี้ยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรกระดาษเฉลี่ย มากกว่า 200,000 แผ่น ต่อ 1 โครงการ ลดการปล่อยคาร์บอนจากการเดินทางส่งเอกสาร สอดคล้องกับนโยบาย Paperless Office ขององค์กร สามารถบันทึกลงระบบ ออนไลน์ ได้ทั้งหมดรวมถึงรูปภาพ และหมดกังวลเรื่องเอกสารหาย และสามารถกดเพื่อเช็คข้อมูลได้ตลอดเวลา  อีกทั้งยังลดข้อร้องเรียนเรื่องคุณภาพงานก่อสร้าง ได้ถึง 70% เนื่องจากขั้นตอนการเข้าตรวจ ได้มีการเข้าตรวจทุกขั้นตอน ในการก่อสร้าง และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า

การพัฒนาในอนาคตของระบบ QA Application จะมุ่งเน้นการเพิ่มฟีเจอร์การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ระบบการแจ้งเตือนอัตโนมัติ และการเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ ของบริษัท เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมก่อสร้างสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

ระบบ automated statement sync mt940 

บริษัทฯได้นำระบบ automated statement sync mt940 มาใช้ในการดึงรายงานการเดินบัญชี  เพื่อลดระยะเวลาในการทำงานของการเงิน ซึ่งช่วยส่งผลดีหรับลูกค้าที่มีการผ่อนชำระค่างวด เนื่องจาก สามารถดึงข้อมูลได้รวดเร็ว และลดความผิดพลาดในการส่งข้อมูลให้กับทางลูกค้า 

ข้อดีของการนำมาใช้ ช่วยประหยัดเวลาในการทำงานของพนักงานในการดึงข้อมูล 3 ชม / คน / วัน ทำให้พนักงานมีเวลาในการจัดสรรงานอย่างอื่นได้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดส่งเอกสารทางไปรษณีย์มาเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการส่งแต่ละครั้ง 5,500 บาท / เดือน 

ช่วยลดความผิดพลาดในการดึงข้อมูล ลูกค้าได้รับข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ ลดข้อร้องเรียนในเรื่องการส่งเอกสารล่าช้า ได้ถึง ร้อยละ 80

เมื่อนำระบบมาใช้ ทำให้บริษัทฯได้มีการจัดส่งเอกสารใบเสร็จลูกค้าเป็นอิเล็กทรอนิกส์แทนการส่งไปรษณีย์ ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการปริ้นเอกสาร ลดการใช้กระดาษต่อคนจำนวน 2 แผ่นต่อการส่ง 1 ครั้ง ประหยัดได้ถึง 5 รีม / เดือน

พื้น SPC วัสดุทดแทนไม้จริง

หรือที่เรียกว่า Stone Plastic Composite จากการพัฒนาโครงการคอนโดเพื่อการอยู่อาศัย สำหรับโครงการที่เลี้ยงสัตว์ได้ ทางบริษัทฯได้มีการให้ความสำคัญกับการเข้าอยู่อาศัยจริง และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ เพื่อให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้อยู่อาศัยมากที่สุด ในครั้งนี้ทางบริษัทฯ ได้นำนวัตกรรมใหม่ของงานพื้นซึ่งมีส่วนผสมของไม้และหินให้ผิวสัมผัสเสมือนไม้จริง มีความคงทน สวยงาม แข็งแรง มีอายุการใช้งานที่นานทนทานกว่าพื้นลามิเนต หรือกระเบื้องยางทั่วไป อีกทั้งมีความปลอดภัยเป็นมิตรต่อคน สัตว์และสิ่งแวดล้อม เข้ามาใช้ในโครงการเลี้ยงสัตว์ได้เพื่อให้มีความเหมาะสม ที่คำนึงถึงการใช้งานจริง  

  • มีความทนทานสูงและสามารถทนต่อกรงเล็บและอุ้งเท้าของสัตว์เลี้ยง มีอายุการใช้งานได้มากกว่า 15 ปี
  • กันน้ำ ไม่ดูดซับของเหลว และป้องกันเรื่องกลิ่นที่ตกค้าง
  • ทำความสะอาดง่าย พื้นผิวกันน้ำช่วยให้คุณเช็ดขนสัตว์เลี้ยง สิ่งสกปรก และคราบต่างๆ ที่หกออกได้อย่างง่ายดาย 
  • การลดเสียงรบกวน ช่วยลดเสียงระหว่างพื้นกับเพดานชั้นล่างได้ดี

OriginService 2 หุ่นยนต์อัจริยะ

หนึ่งในนวัตกรรมที่นำมาใช้ในโครงการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านในด้านการบริการ กับ 2 หุ่นยนต์อัจริยะ.

น้องพรีโม่ 2 หุ่นยนต์สุดน่ารัก ยินดีที่ได้ดูแลคุณ

  1. น้องพรีโม่ส่งของ

ดูแลส่งพัสดุ จดหมาย สิ่งของ ถึงหน้าประตูห้องพักเพื่อให้คุณได้รับความสะดวกสบาย พร้อมความปลอดภัย และความมั่นใจว่าได้รับของที่ถูกต้อง ในช่วงเวลาที่ต้องการ

2. น้องพรีโม่ทำความสะอาด

ดูแลทำความสะอาด ปัด กวาด ถู ดูดฝุ่น ในทุกพื้นที่ส่วนกลางทันทีที่สกปรก เพื่อให้ทุกพื้นที่สะอาด มีสุขอนามัยอนามัยที่ดี รวมถึงรักษาความสวยงามของโครงการให้คงอยู่เสมอในทุกช่วงเวลา

ในปี 2567 บริษัทฯ ยังได้เปิดโอกาสให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็น แนะนำ รวมถึงมีช่องทางการร้องเรียนต่างๆ ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ Call Center : 1498 , www.origin.co.th , FB : Origin Property เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ ปรับปรุงและพัฒนาให้ดีมากยิ่งขึ้น รวมถึงการให้ลูกค้ามีการประเมินความพึงพอใจ ผ่านการดำเนินงานในทุกๆ กระบวนการ เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ ปรับปรุง พัฒนาด้านสินค้าและบริการ เพื่อให้ตรงตามความต้องการและสร้างความพึงพอใจในการให้บริการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านการทำแบบสอบถาม สัมภาษณ์ การกดให้คะแนนผ่าน call center เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านมากยิ่งขึ้นทั้งโครงการในปัจจุบันและอนาคต 

CSAT Homecare ด้านคุณภาพงานซ่อมและคุณภาพการให้บริการแก่ลูกบ้าน 

บริษัทฯจัดให้มีการประเมิน CSAT Homecare การทำงานของบุคลากรในด้านคุณภาพงานซ่อมและคุณภาพการให้บริการแก่ลูกบ้านในโครงการ โดยประเมินทั้งแบบรายบุคคล และรายโครงการ ผ่านทาง Application และ Call center (กรณีนานเกิน 3  วัน หากลูกบ้านไม่ประเมินผ่าน Application ข้อมูลจะเข้าระบบ Homecare System เพื่อให้ Call Center ทำการโทรประเมินความพึงพอใจ) วัตถุประสงค์เพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการเพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด ลดข้อร้องเรียน และเพื่อนำมาประเมินวางแผนจัดทำหลักสูตรเพื่อเพิ่มทักษะ ความรู้ ความสามาถเพิ่มเติมให้กับพนักงานเพื่อนำไปพัฒนาการทำงาน โดยการให้คะแนนการประเมิน จะมีตั้งแต่ 1 =  ไม่พึงพอใจมาก จนถึง 5 = พึงพอใจที่สุด มีเป้าหมายของการประเมิน คือ 

ปานกลาง < 3.5 คะแนน 

ดี = 3.6 – 4.5 คะแนน 

ดีมาก = 4.5 – 5 คะแนน

โดยจะต้องมีผู้ตอบแบบประเมินมากกว่า 70% ของจำนวนเคสทั้งหมดคิดการผ่านเกณฑ์ที่ 4.5 คะแนน  หากต่ำกว่า 3.5 คะแนน ถือว่าไม่ผ่าน โดยพนักงานและโครงการทั้งที่ผ่านและไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน จะมีการนำผลการประเมินที่ได้ มาวางแผนดำเนินงานในการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการทำงาน การพัฒนาทักษะรายบุคคล รวมถึงกำหนดตัวชี้วัดการทำงาน (KPI) เพื่อให้การดำเนินงานมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

ผลการประเมิน

 

รายละเอียด

ปี 2566

ปี 2567

จำนวนโครงการ / บุคคล ที่ประเมิน

18 โครงการ / 27 คน

37 โครงการ / 34 คน

จำนวนเคสที่ประเมิน

5,454 

5,421 

ผลการประเมิน

  

คุณภาพงานซ่อม

4.20 (84%)

4.42 (88.4%)

คุณภาพในการให้บริการ

4.34 (86.8%)

4.43 (88.6%)

 

โดยจากผลลัพธ์ที่ได้จะพบว่าจำนวนเคส เฉลี่ยลดลงจากปีก่อน ทั้งรายโครงการและรายบุคคล และคุณภาพของการให้บริการในงานซ่อมและการให้บริการ ได้รับคะแนนการประเมินดีขึ้น ลูกบ้านมีความพึงพอใจต่อการให้บริการของทางเจ้าหน้าที่ในด้านคุณภาพงานซ่อม คิดเป็น  88.4 % และการให้การบริการ คิดเป็น  88.6 % และ feedback ที่ได้หลังการสอบถาม ทางบริษัทฯ ได้มีการจัดการประชุมเพื่อแจ้งผลการประเมินแก่พนักงานทุกท่าน เพื่อให้นำไปพัฒนาปรับปรุงกระบวนการทำงานของตนเองต่อไป ทำการ Role Play พนักงานพร้อมติดตามผล กำชับการทำงานกับพนักงาน พร้อมตรวจสอบการทำงานกับพนักงานเสมอ กำหนด KPI ให้กับพนักงาน  รวมถึงวางแผนอบรมเพื่อพัฒนาการให้บริการให้แก่พนักงาน โดยแบ่งเป็น 3 หัวข้อหลัก คือ

การกำหนดแผนพัฒนาในปี 2568 ดังนี้

Step 1 : การประเมินเบื้องต้น > จัดทำแบบประเมินทักษะการสื่อสารเบื้องต้น การใช้ภาษาและน้ำเสียง การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า  การจัดการข้อร้องเรียน  มารยาทและการวางตัว  จัดสอบ DISC เพื่อทราบบุคลิก  วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนรายบุคคล

Step2: ฝึกอบรมและพัฒนา > การเข้าใจและจัดการอารมณ์ตนเอง  การสื่อสารเชิงบวกและการใช้ภาษากายที่เหมาะสม เทคนิคการฟังอย่างตั้งใจ  กิจกรรม “Emotion Detective”: ฝึกอ่านอารมณ์ลูกค้า เป็นต้น 

Step3: ติดตามและประเมินผล > รวบรวมข้อมูลความพึงพอใจจากลูกค้า ให้คำแนะนำและ feedback รายบุคคล  ประเมินผลการพัฒนาตามตัวชี้วัด (KPI) มอบรางวัล “พนักงานดีเด่นด้านการบริการ” ประจำเดือน โอกาสเลื่อนตำแหน่งสำหรับผู้มีผลงานโดดเด่น

ประเมินความพึงพอใจผ่านทาง call center 

บริษัทฯ ยังมีวิธีการวัดความพึงพอใจของลูกค้าในรูปแบบ End Call Survey โดยเมื่อลูกค้าติดต่อผ่านช่องทาง Call Center และก่อนวางสายการให้บริการพนักงานจะต้องโอนสายสนทนาเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ (Interactive Voice Response) เพื่อประเมินคะแนนความพึงพอใจก่อนวางสาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงคุณภาพการให้บริการของพนักงาน ที่ผ่านมาในปี 2567 มีจำนวนการโอนสายลูกค้าเข้าระบบเพื่อประเมินความพึงพอใจรวมทั้งหมด 2,749 ครั้ง คิดเป็นเปอร์เซ็นความพึงพอใจโดยรวม 96% 

นอกจากการสอบถามเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคตแล้ว ทางบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับโครงการที่เข้าอยู่แล้ว โดยมีการรับฟังความคิดเห็นจากทางลูกบ้านอย่างสม่ำเสมอผ่านทางนิติบุคคลโครงการเป็นประจำทุกเดือน แล้วนำข้อมูลนั้นมาพัฒนาและปรับปรุงตามข้อมูลที่ได้รับจากลูกบ้าน เพื่อช่วยเหลือและพัฒนาโครงการให้ลูกบ้านอยู่อย่างมีความสุขและสะดวกสบาย รวมถึงนำความคิดเห็นต่างๆ เหล่านั้นมาพัฒนาการออกแบบและผลิตภัณฑ์ ที่เกิดขึ้นในอนาคตให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย 

ตัวอย่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์จาก feedback ลูกบ้านที่เข้าอยู่อาศัยจริง

สำหรับห้องขนาดเล็กที่ไม่มีโต๊ะข้างเตียง  เพิ่มช่องวางโทรศัพท์มือถือที่ข้างตู้เสื้อผ้าพร้อมปลั๊กไฟ

เตรียมตำแหน่งที่จอดหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ที่ใต้ตู้รองเท้า เป็นการออกแบบเพื่อให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน ที่นิยมใช้ หุ่นยนต์ไฟฟ้าในการดูดฝุ่นจึงทำช่องไว้เป็นจุดจอดให้สวยงาม และยังใช้เป็นช่องเก็บของหรือเก็บรองเท้าได้อีกด้วย

ทำระแนงกันตกเป็นระแนงสูงถึงฝ้า เพื่อป้องกันตก และป้องกันนกบินเข้ามาทำให้ระเบียงสกปรก จากที่ลูกบ้านต้องใช้ตาข่ายขึงกันเอง ทางโครงการได้มีการพัฒนาระแนงให้สูงขึ้นเพื่อแก้ปัญหา พัฒนาด้านการออกแบบให้กับทางผู้อยู่อาศัย 

จากการที่บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพและการบริการ รวมถึงมีช่องทางในการเข้าถึงลูกบ้านและลูกค้าที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทำให้มีการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงมีการปรับปรุง แก้ไขงานอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ และมีจริยธรรม พบว่า สัดส่วนการแสดงความคิดเห็น ชมเชย เพิ่มมากขึ้นและข้อร้องเรียนทางระบบ Call Center มีจำนวนลดลงจากปี 2566 จำนวนรวมทั้งสิ้น 147 ครั้ง แบ่งเป็นได้รับการชมเชยในเรื่องการบริการของเจ้าหน้าที่ จำนวน 111  ครั้ง และมีข้อร้องเรียนจากลูกค้ารวมทั้งหมด 36 ครั้ง ซึ่งข้อร้องเรียนดังกล่าวบริษัทฯดำเนินการจัดการข้อร้องเรียนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย

ปี

2564

2565

2566

2567

ชมเชย/ครั้ง

108

50

71

111

ร้องเรียน/ครั้ง

52

32

70

36

บริษัทฯ ยังได้เตรียมวิธีการบริหารจัดการเพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันไม่ให้ข้อร้องเรียนเดิมเกิดขึ้นซ้ำ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า โดยมีกำหนดระยะเวลาในการบริหารจัดการข้อร้องเรียน ดังนี้

  • ภายใน 1 ชั่วโมง เมื่อได้รับข้อร้องเรียน ต้องติดต่อกลับข้อร้องเรียนเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง และแจ้งให้ฝ่าย CCM รับทราบเพื่อบันทึกข้อมูล
  • ภายใน 24 ชั่วโมง (1วัน) เมื่อได้รับข้อร้องเรียน ต้องสรุปข้อเท็จจริง และแนวทางการจัดการข้อร้องเรียนเบื้องต้น และแจ้งให้ฝ่าย CCM รับทราบเพื่อบันทึกข้อมูล
  • ภายใน 72 ชั่วโมง (3วัน) เมื่อได้รับข้อร้องเรียน ต้องสรุปการแก้ไขข้อร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร (MOU) เพื่อปิดข้อร้องเรียนตามแบบฟอร์มที่กำหนด และแจ้งให้ฝ่าย CCM รับทราบเพื่อบันทึกข้อมูล
  • ภายใน 24 ชั่วโมง (1วัน) เมื่อได้รับหลักฐานการปิดข้อร้องเรียน ฝ่าย CCM ต้องดำเนินการยืนยัน การปิดข้อร้องเรียนกับลูกค้า และแจ้งให้ฝ่าย CCM รับทราบเพื่อบันทึกข้อมูล
  • บริหารข้อร้องเรียนตามระดับผลกระทบของลูกค้า
  • นำข้อร้องเรียนมาจัดทำเป็น Q&A เพื่อสื่อสารในกรณีเกิดเหตุการณ์ครั้งต่อไป

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อสร้างความประทับใจและความพึงพอใจทั้งในด้านสินค้าและบริการ Customer Relation Management (CRM) เป็นหน่วยงานที่จัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อสร้างความประทับใจ ความพึงพอใจในสินค้าและบริการ ทั้งยังสร้างความสัมพันธ์ส่วนบุคคลระหว่างบริษัทฯกับลูกบ้าน ลูกบ้านในโครงการเดียวกัน และระหว่างลูกบ้านต่างโครงการ ให้มีความสัมพันธ์ที่ดี และมีความผูกพันที่ดีระหว่างกัน ภายใต้ชื่อ “ORIGIN FAMILY” โดยได้ดำเนินการจัดกิจกรรมที่หลากหลายตามความสนใจของลูกบ้าน และครบคลุมในทุกมิติ เพื่อให้ลูกบ้านทุกท่านมีความสุขในทุกช่วงเวลาที่ได้อยู่ภายใต้ออริจิ้น

กิจกรรมเด่น ประจำปี 2567

Origin Snap Joy Work Shop 

กิจกรรม workshop สอนถ่ายภาพให้กับลูกบ้านออริจิ้น ให้ได้เรียนรู้เทคนิคการถ่ายภาพด้วยมือถือ ซึ่งกิจกรรมนี้นอกจากจะได้สร้างความสัมพันธ์กับทางลูกค้าแล้ว ยังทำให้ได้แลกเปลี่ยนมุมมองของการถ่ายภาพระหว่างโครงการกับทางลูกบ้าน รวมถึงได้ภาพมุมมองใหม่ของโครงการ ผ่านการถ่ายทอดออกมาจากการถ่ายภาพของทางลูกค้า ซึ่งได้ดำเนินการจัดงานที่ 2 โครงการ ออริจิ้น ปลั๊ก & เพลย์ นนทบุรี สเตชั่น , ออริจิ้น เพลย์ ศรีอุดม สเตชั่น

GIVE OF LOVE …..Empowering Communities Through Give 

พลังการแบ่งปัน…จากหัวใจ  ชวนลูกบ้านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการให้ และการแบ่งปันช่วยเหลือสังคม ทำบุญบริจาคปัจจัย และสิ่งของต่าง ๆ สำหรับเด็กและผู้ป่วยกับ วัดพระบาทน้ำพุ โดยหลวงพ่ออลงกต

บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้ความถูกต้องตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนหลักคุณธรรมและหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี  พร้อมทั้งดูแลสิทธิตามที่กฎหมายกำหนดของผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่าง ๆ (Stakeholders) โดยบริษัทฯเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานอย่างถูกต้อง โปร่งใส ยุติธรรม เป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการเป็นบริษัทที่เติบโตอย่างยั่งยืน  และเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนบริษัทฯจึงได้กำหนดแนวทางดำเนินการ ในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้

การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น (GRI 205-1, GRI 205-2)

บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในการดำเนินธุรกิจ และยึดมั่นที่จะบริหารงานด้วยความโปร่งใส รับผิดชอบต่อสังคมและผู้ที่มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยได้เข้าเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติภาคเอกชนไทย (Thailand’s Private Sector Collective Action Coalition Against Corruption Council :CAC) และแสดงเจตนารมย์ที่แน่วแน่ว่าบริษัทจะไม่ยอมรับการคอร์รัปชันทุกรูปแบบ โดยมีการสื่อสารออกไปทั้งภายใน และภายนอกองค์กรผ่านการดำเนินการต่าง ๆ ตามแนวทางของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors หรือ IOD) โดยบริษัทฯ ได้ผ่านการรับรองCAC ตั้งแต่ วันที่ 6 มิถุนายน 2561 และได้ผ่านการรับรองต่ออายุ ครั้งล่าสุดในปี 2565 และมีอายุการรับรองระหว่างปี 2565-2568 (ต้องขอรับรองการต่ออายุทุก 3 ปี) 

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังจัดให้มีการประเมินความเสี่ยงด้านทุจริตคอร์รัปชันอย่างครอบคลุมในทุกกระบวนการในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทฯ เพื่อวิเคราะห์เหตุที่ทำให้เกิดความเสี่ยงการทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมกำหนดแนวทางในการควบคุมเพื่อป้องกันความเสี่ยง และแผนการดำเนินงานเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่สามารถยอมรับได้ และมีกระบวนการจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้นรวมทั้งมีการนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงในประเด็นที่มีความสำคัญต่อบริษัทฯ

บริษัทฯ ได้กำหนดนโยบายและมาตรการต่อต้านการคอร์รัปชัน และนโยบาย/ประกาศที่เกี่ยวข้อง เป็นลายลักษณ์อักษร อาทิ นโยบายการแจ้งเบาะแสการกระทำผิด (Whistle Blowing Policy) นโยบายและแนวปฏิบัติการให้/รับของขวัญ คู่มือการปฏิบัติงานสำหรับกระบวนการที่มีความเสี่ยงในการเกิดการทุจริตคอร์รัปชัน และได้มีการสื่อสารให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคนรับทราบผ่านทาง website ของบริษัทหัวข้อนโยบายเกี่ยวกับการต่อต้านการคอร์รัปชัน https://investor.origin.co.th/th/corporate/corporate-governance/companys-policies  พร้อมกันนี้ได้มีการสื่อสารภายในให้พนักงานรับทราบถึงมาตรการ/แนวปฏิบัติในการต่อต้านการคอร์รัปชัน มีพนักงานยินยอมและรับทราบ 100%  พร้อมทั้งให้พนักงานทำแบบทดสอบนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน เพื่อให้ทุกคนตระหนักรู้ร่วมกัน โดยมีพนักงานร่วมทำแบบทดสอบครบ 100 % และผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนด รวมถึงให้เป็นส่วนหนึ่งของการอบรมพนักงานใหม่ (Orientation) ก่อนเริ่มงานให้ทุกคนทราบและตระหนักในเรื่องของจรรยาบรรณธุรกิจ และนโยบายและมาตรการต่อต้านการคอร์รัปชัน เพื่อให้พนักงานใหม่รับทราบร่วมกันทุกคน

โดยในปี 2567 พบว่า ไม่มีจำนวนกรณีที่การฝ่าฝืนจรรยาบรรณธุรกิจ  และบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นและตั้งเป้าหมายในปี 2568 ไม่ให้เกิดกรณีฝ่าฝืนจรรยาบรรณธุรกิจและทุจริตคอร์รัปชันและร่วมปลูกฝังให้พนักงานทุกคนตระหนักรู้โดยการอบรมและยืนยันการรับทราบถึงข้อปฏิบัติตามหลักการต่างๆอย่างเคร่งครัด 100% 

บริษัทฯ ประกาศ “นโยบายไม่รับของขวัญ งดให้ งดรับของขวัญ”ในทุกเทศกาลเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรแห่งความโปร่งใสและปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน โดยได้ทำการสื่อสารไปยังกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของกลุ่มบริษัททุกช่องทางการสื่อสาร

ขั้นตอนการรับข้อร้องเรียน (โดยสรุป) 

การป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวและให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือทำธุรกรรมกับบริษัท ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 จึงได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลขึ้นเพื่อให้มีหลักเกณฑ์ กลไก มาตรการกำกับดูแล และการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างชัดเจนและเหมาะสม โดยมีการสื่อสารออกไปทั้งภายใน และภายนอกให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคนรับทราบผ่านทาง website ของบริษัทหัวข้อนโยบายความเป็นส่วนตัว https://investor.origin.co.th/th/corporate/corporate-governance/companys-policies  

โดยในปีนี้มีการสื่อสารให้กับพนักงานทราบอย่างต่อเนื่อง จากประกาศภายใน , Email เพื่อให้พนักงานตระหนักรับทราบและถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รวมถึงมีการจัดอบรม UPSKILL WE STRONG อบรมความรู้ทางกฎหมาย PDPA , การจัดการความเสี่ยง และจรรยาบรรณทางธุรกิจ ให้กับพนักงานทุกระดับรับทราบเป็นประจำทุกปี 

โดยในปี 2567 พบว่า ไม่พบกรณีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า และ ลูกค้า และเป้าหมายในปี 2568 บริษัทฯยังคงตระหนักและให้ความสำคัญในเรื่องของการเคารพความเป็นส่วนตัว จึงตั้งเป้าในการอบรมให้ความรู้พนักงานเกี่ยวกับ PDPA การป้องกันและการใช้ข้อมูลอย่างถูกต้องครบ 100%

การบริหารจัดการคู่ค้า (GRI 204-1)

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานไม่เพียงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน หรือป้องกันผลกระทบ หรือชื่อเสียงขององค์กร แต่เพื่อเพิ่มความโปร่งใส คู่ค้าจึงเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างยั่งยืน ดังนั้นการบริหารจัดการคู่ค้าเพื่อให้สามารถส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพยึดหลักการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล ควบคู่ไปกับการมีความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม (ESG) ถือเป็นการเสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจและสามารถบริการจัดการความเสี่ยงในระบบห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดจรรยาบรรณคู่ธุรกิจ (Supplier Code of Conduct) โดยมุ่งหวังให้คู่ค้านำไปปรับใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับการดำเนินงานตามบริบทคู่ค้า โดยคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน https://investor.origin.co.th/storage/download/company-policies/company-document/20230118-ori-suppliers-code-of-conduct-th.pdf

กระบวนการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืน

บริษัทฯได้กำหนดแนวทางการบริหารจัดการคู่ค้าอย่างยั่งยืน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินการ โดยประยุกต์ใช้ในกิจกรรมภายในของบริษัทฯ เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน ช่วยเพิ่มโอกาสลดความเสี่ยงและเป็นการยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ โดยมีการกำหนดกระบวนการดำเนินการบริหารจัดการคู่ค้าอย่างยั่งยืน ดังนี้

1.กระบวนการสรรหาและคัดเลือกคู่ค้า คู่ค้าต้องผ่านการพิจารณาคัดเลือกจากเกณฑ์คุณสมบัติเบื้องต้นที่ทางบริษัทฯ กำหนดขึ้น เช่น คุณภาพสินค้า ชื่อเสียง ความเชี่ยวชาญในการดำเนินงาน ประสบการณ์ทำงาน สถานะความมั่นคงทางการเงิน

  1. การขึ้นทะเบียนคู่ค้าใหม่ คู่ค้ารายใหม่จะต้องทำแบบประเมินตนเอง โดยการประเมินคู่ค้าจะครอบคลุมทั้งความเสี่ยงคู่ค้าด้าน ESG  ด้านคุณภาพ และการดำเนินงานภายใต้ความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และต้องรับทราบจรรยาบรรณคู่ธุรกิจ (Supplier Code of Conduct)

3.การประเมินผลสำหรับคู่ค้ารายปัจจุบัน บริษัทฯมุ่งพัฒนาธุรกิจให้เติบโตควบคู่ไปร่วมกันกับคู่ค้า โดยมีการกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงาน ประเมินผลงานคู่ค้าและความเสี่ยงทุก ๆ 6 เดือน และการคัดกรองคู่ค้า เพื่อนำไปพัฒนาศักยภาพสินค้าและบริการที่มีคุณภาพมอบให้แก่ลูกค้าได้อย่างยั่งยืน โดยพิจารณาจากคุณภาพของสินค้า การจัดส่งสินค้าและการส่งมอบงาน และความพึงพอใจ โดยบริษัทฯ จะทำการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของคู่ค้าประจำปี รวมทั้งกำหนดแนวทางปฏิบัติในการประเมินคู่ค้าทั้งก่อนและภายหลังการซื้อขาย ให้สามารถวัดผลและจัดเกรดคู่ค้าในแต่ละหมวดหมู่ได้ โดยกำหนดให้ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างเป็นผู้ประเมินศักยภาพคู่ค้าก่อนการซื้อขายเพื่อคัดกรองคู่ค้าที่มีผลการประเมินต่ำกว่าเกณฑ์ออกจาก Approved Vendor List 

โดยเกณฑ์การให้คะแนนและผลการประเมินในปี 2567 สรุปได้ดังนี้

เกณฑ์คะแนนที่ได้

ผลการประเมินปี 2567

เกรด A ได้คะแนนช่วง 80-100 คะแนน

คู่ค้าชั้นดี เป็นคู่ค้าที่บริษัทฯ จะดำเนินการซื้อ-ขายด้วยเป็นกลุ่มแรก

50 ราย

เกรด B ได้คะแนนช่วง 70-79 คะแนน

184 ราย

เกรด C ได้คะแนนช่วง 60-69 คะแนน

69 ราย

เกรด D ได้คะแนนช่วง 50-59 คะแนน

10 ราย

เกรด F ได้คะแนนต่ำกว่า 50 คะแนน

นำเสนอคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อขอตัดออกจาก AVL

4 ราย

4.การจำแนกประเภทคู่ค้า บริษัทฯได้มีการทบทวนและจำแนกประเภทคู่ค้าหลัก (Critical Tier1 Supplier) และการจัดหมวดคู่ค้าที่จัดหาสินค้าและงานบริการให้กับคู่ค้าหลัก (Critical Non-Tier 1 Supplier) โดยมีเงื่อนไขดังนี้

กลุ่มคู่ค้าหลัก

เงื่อนไข

Critical Tier 1 Supplier 

-มูลค่าสั่งซื้อสะสมสูงสุด 80% 

-เป็นส่วนประกอบหลักมีความสำคัญสูงในการพัฒนาโครงการ 

-คู่ค้าหลักของบริษัท 

Critical Non-Tier 1 Supplier 

-เป็นส่วนประกอบหลักมีความสำคัญสูงในการพัฒนาโครงการ 

– ขนาดของกิจการ ขนาด L 

-คู่ค้าหลักของบริษัท 

โดยในปีนี้ สามารถสรุปผลการดำเนินงานด้านการจัดซื้อจัดจ้างได้ดังนี้ 

การดำเนินการ

ผลการดำเนินการปี 2567

จำนวนคู่ค้าทั้งหมด (มูลค่าการสั่งซื้อ)

1,200 ราย (4,495,729,729 บาท)

จำนวนคู่ค้ารายสำคัญ Critical Tier 1 (มูลค่าการสั่งซื้อ)

14 ราย (2,926,733,721 บาท)

คู่ค้ารายใหม่ได้รับการตรวจประเมินก่อนการซื้อขายด้วยปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล (ESG)

100%

คู่ค้ารายใหม่ต้องรับทราบจรรยาบรรณคู่ธุรกิจ (Supplier Code of Conduct) ก่อนดำเนินการขึ้นทะเบียนในระบบ

100%

On site Survey คู่ค้ารายสำคัญ 

14 ราย (ผลการประเมินเฉลี่ยรวมได้ 84.4%) (จำนวนทั้งหมด 14 ราย)

ผลการประเมินความเสี่ยงด้าน ESG ลูกค้าปัจจุบัน

ไม่พบความเสี่ยง

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายการดำเนินการ On-site ESG Audit คู่ค้ารายสำคัญของบริษัทให้ได้ ร้อยละ ร้อย ของผู้ค้ากลุ่ม Critical Tier 1 ซึ่งมีทั้งหมด 14 ราย ซึ่งตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และในปี 2568 มีเป้าหมายในการ audit คู่ค้าใน Tier 1 ครบ 100% 

และในปี 2567 ทางบริษัทฯ ได้มีการทำแบบสอบถามเพื่อประเมินความเสี่ยงด้าน ESG กับคู่ค้า พบว่า “ไม่มีความเสี่ยงด้าน ESG ที่เกิดจากคู่ค้า” ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม  และบรรษัทภิบาล (ESG Risk) ที่เกิดจากคู่ค้า 

นอกจากนี้ บริษัทมีการกำหนดเกณฑ์ในการชำระเงินสินเชื่อการค้า หรือ Credit Term ภายในระยะเวลา 15-60 วัน ขึ้นอยู่กับประเภทของคู่ค้า เช่นผู้รับเหมารายย่อย ได้รับ 15 วัน คู่ค้าสำหรับสินค้าหรือ อุปกรณ์อื่น ๆได้รับ  30 วัน ที่ผ่านมาบริษัทดำเนินการชำระเงินให้แก่คู่ค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 15-45 วัน

การพัฒนาการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของคู่ค้า 

จัดหาและพัฒนาผลิตภัณฑ์อัจฉริยะและมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 

ออริจิ้น ร่วมมือกับคู่ค้า บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จัดหาและพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของออริจิ้นในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ โดยบริษัทฯจะนำโซลูชันเพื่อบ้านอัจฉริยะและอาคารสีเขียวที่หลากหลายของเดลต้าไปใช้ในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และร่วมมือกับเดลต้าเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับออริจิ้น โดยความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดีต่อสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ซึ่งสอดคล้องไปกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัท มุ่งมั่นสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อมาร่วมส่งมอบนวัตกรรมที่ช่วยสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ หรือ Low-carbon society ให้ผู้บริโภค เดลต้าถือเป็นพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนสอดคล้องกัน และเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีนวัตกรรมกรีนและนวัตกรรมอัจฉริยะต่างๆ อย่างครบถ้วน 

ซึ่งการ workshop ร่วมกัน ทางบริษัทฯ เชื่อว่าจะทำให้ได้รับนวัตกรรมใหม่ๆ สินค้าที่มีคุณภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระยะยาวครั้งนี้มุ่งเน้นให้ประโยชน์แก่ลูกค้าด้วยการส่งมอบสินค้าและโซลูชันที่หลากหลาย ตั้งแต่กลุ่มสมาร์ทโฮมโซลูชัน อาทิ ระบบอาคารอัตโนมัติ ระบบเฝ้าระวังความปลอดภัยอัจฉริยะ และโซลูชันการจัดการคุณภาพอากาศภายในอาคาร เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัย ความเป็นอยู่ที่ดี พร้อมช่วยประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ยังร่วมมือในการพัฒนาโซลูชันอาคารสีเขียวโดยใช้โซลูชันการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า พลังงานทางเลือกจากโซลาร์เซลล์ โดยนำร่องนำ EV Charger ที่ให้ประสิทธิพลังงานสูงถึง 94% มาใช้ในโครงการที่อยู่อาศัย 

ข้อร้องเรียนด้านสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ (GRI 308-2)

บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการผลกระทบสิ่งแวดล้อมและหลีกเลี่ยงการดำเนินงานที่อาจสร้างผลกระทบเชิงลบต่อคุณภาพชีวิตของชุมชนรอบสถานประกอบการ โดยมีการเปิดช่องทางสื่อสารและหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งแนวทางการแก้ไขและมาตรการการติดตามผลการดำเนินงานเพื่อรองรับในกรณีที่เกิดการร้องเรียน

 บริษัทฯ ได้จัดให้มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและจัดการข้อร้องเรียน ตลอดจนสื่อสารผลการดำเนินงานเกี่ยวกับข้อร้องเรียนกลับไปยังผู้ร้องเรียนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องผ่านช่องทาง 

  • Call Center : 1498
  • เว็บไซต์ www.origin.co.th 
  • FB : Origin Property

ทั้งนี้ ในปี 2567 พบข้อร้องเรียนจากชุมชนในประเด็นด้านสังคมหรือสิ่งแวดล้อม จำนวน 1 เรื่องของโครงการ พาร์ค จุฬา-สามย่าน ในเรื่องของผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อม เรื่อง ผลกระทบด้านแสงแดด และเสียง โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการเข้าแก้ไขผลกระทบด้านแสงแดด และเสียง ต่อชุมชนข้างเคียง และได้ศึกษาวิธีการเพื่อแก้ไขผลกระทบด้านลม อีกทั้งได้แจ้งต่อชุมชนข้างเคียงในการเข้าไปดำเนินการแก้ไขผลกระทบดังกล่าวแล้ว รวมถึงติดตามผลในการดำเนินการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

การมีส่วนร่วมกับชุมชนและสังคม

ปี 2567 บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ 3 แกนหลักเพื่อดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมภายใต้โครงการ “ORIGIN GIVE”  WE GIVE TO GROW SUSTAINABILITY TOGETHER ร่วมให้…ความยั่งยืนไปด้วยกัน ร่วมเติบโต…อย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน โครงการกิจกรรมเพื่อสังคมที่ร่วมสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสังคมที่สมบูรณ์แบบ สู่การใช้ชีวิตที่มีความสุขอย่างมีคุณภาพ พัฒนาทั้งด้านการศึกษา สังคม​ ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพราะบริษัทฯ เชื่อว่า สังคมที่ดีจะก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยบริษัทได้ร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของทางบริษัทฯ ร่วมทำสิ่งดีๆเพื่อสังคมร่วมกัน สนับสนุนการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรในสังคมและชุมชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมและปลูกฝังค่านิยมด้านความรับผิดชอบต่อสังคมให้แก่พนักงานได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชุมชน 

ORIGIN GIVE ประกอบไปด้วย 3 เรื่องหลัก คือ 

EDUCATION : ส่งเสริมการศึกษา สร้างโอกาส สร้างอนาคต และความเป็นอยู่ของเด็กเยาวชน อันเป็นกำลังหลักสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต รวมถึงมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาปรับปรุงโรงเรียน ซึ่งเป็นเสมือนบ้านหลังที่สองของเด็กและเยาวชนให้สวยงามและปลอดภัย

EQUALITY : สนับสนุนความเท่าเทียม ส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดี การเข้าถึงสวัสดิการที่ดีของทุกคน ช่วยเหลือผู้ป่วยทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยยากไร้ ช่วยเหลือสังคม เพื่อผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางทุกกลุ่มมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้รับโอกาสการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงทีและเต็มประสิทธิภาพ

ENVIRONMENT : ส่งเสริมการดูแลรักษา ปกป้อง สิ่งแวดล้อมที่ดี สู่โลกที่ยั่งยืนและสวยงามของเราพร้อมตั้งเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่ NET ZERO ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  และเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เป๋น ห่วง ตั๋ว เน่อ 

จากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้หลายโรงเรียนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือได้รับผลกระทบ อาคารเรียน ห้องสมุด หนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียนต่างๆ เกิดความเสียหาย ออริจิ้น และบริษัทในเครือ พร้อมทั้งลูกบ้านโครงการ ประกอบด้วย 17 โครงการคอนโด และ 21 โครงการบ้าน จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความช่วยเหลือไปพร้อมกับสังคม ผ่านการรับบริจาคอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา คอมพิวเตอร์ รองเท้าและชุดนักเรียน และสิ่งของจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทางภาคเหนือ ผ่านทางมูลนิธิกระจกเงา 

โครงการ Drink To Give Together 

สนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนปกาเกอะญอ จ.เชียงราย โครงการที่เชื่อมโยงพวกเราทุกคนได้ร่วมให้แก่ “ชุมชนและป่าธรรมชาติ” ไปด้วยกัน เป็นการสนับสนุนเพื่อช่วยยกระดับสินค้าจากชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลและหลายๆคนอาจเข้าไม่ถึง การเดินทางไม่สะดวก ให้ได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ผ่านสินค้าชุมชนที่สร้างสรรค์เกิดขึ้นมาจากธรรมชาติที่คนในชุมชนอาศัยอยู่ เป็นสินค้าชุมชนที่มาจากธรรมชาติอย่างแท้จริง ใส่ใจรักษาธรรมชาติ ผลักดันให้ชุมชนได้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน โดยสนับสนุนน้ำผึ้งโพรงป่า น้ำผึ้งที่รวมเกสรดอกไม้กว่า 300 ชนิด ซึ่งเก็บในเดือน 5 ที่ผ่านการผลิตอย่างพิถีพิถัน และใส่ใจระบบนิเวศของป่า ด้วยภูมิปัญญาของคนในชุมชนที่ส่งต่อกันมา ทำให้มีรสชาติหวานนวล กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมถึงเมล็ดกาแฟที่เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน มารังสรรค์เป็น 3 เมนูเครื่องดื่ม ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่มอบให้กับลูกค้าคนพิเศษ คือ ปกาเกอะญอเชค น้ำผึ้งป่ามะนาวโซดา พุทราป่าเชค โดยวัตถุดิบต่างๆได้มาจากผลิตภัณฑ์ของทางชุมชน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนมากกว่า 100,000 บาท (ผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งที่เกิดจากธรรมชาติจะสามารถเก็บได้ตามฤดูกาล ประมาณ 3 เดือนเท่านั้น) โดยทางบริษัท ฯ ได้ส่งต่อเครื่องดื่มให้ลูกบ้านในกิจกรรมต่างๆ กว่า 3,990 แก้ว ตลอดปี 2567  

โครงการ Sweet Happiness Caravan

ชวนพันธมิตร ไผ่ทองไอศกรีม จัดคาราวานรถไอศกรีมแจกคนงานแคมป์ก่อสร้าง ตอบแทนคำขอบคุณต่อผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมของออริจิ้น ที่ร่วมสร้างสรรค์ความสุขในการใช้ชีวิตของลูกค้าอย่างเต็มที่ในทุกๆ วัน จำนวนทั้งสิ้น 15 โครงการ รวมจำนวน 3,800 คน 

โครงการห้องน้ำ …เรา  Happy and Healthy, Sustainable-Hygienic Restrooms

จากการสำรวจความคิดเห็นของนักเรียนพบว่า นอกจากนักเรียนอยากได้ห้องเรียนที่ดี มีบรรยากาศที่ดีแล้วนั้น สิ่งที่เป็นปัญหาเป็นความทุกข์ของเด็กมากที่สุดเป็นอันดับแรก คือห้องน้ำที่สกปรก เสื่อมทรุดโทรม จนเด็กจำนวนไม่น้อยต้องอั้นเอาไว้ไปเข้าที่บ้าน แม้ห้องน้ำจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่เป็นความทุกข์ เป็นเรื่องใหญ่ของเด็ก ห้องน้ำในโรงเรียนจึงเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับบริการ 

ออริจิ้น ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็กไทย โดยเฉพาะโรงเรียนที่อยู่ใกล้เคียงโครงการ ที่อยากให้มีสภาพแวดล้อมและชีวิตดีไปด้วยกัน ตอลดระยะเวลา 15 ปี ทางออริจิ้นได้พัฒนาโรงเรียนร่วมกับทางคู่ค้าและพันธมิตร มากกว่า 12 โรงเรียน เพื่อหวังให้เด็กนักเรียนมีความสุขในการมาเรียน และในปีนี้ จากการสำรวจความคิดเห็นถึงความต้องการของเด็ก ทำให้เกิดโครงการ ห้องน้ำ …เรา  Happy and Healthy, Sustainable-Hygienic Restrooms โดยร่วมมือกับทางธนาคาร พันธมิตรและคู่ค้า กว่า 26 ราย ร่วมสร้างสรรค์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งด้านการศึกษา สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการศึกษาและความเป็นอยู่ของเด็กเยาวชน อันเป็นกำลังหลักสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต ร่วมปรับปรุงห้องเรียน ห้องน้ำนักเรียนชายและหญิง ให้มีสภาพแวดล้อมที่ดีและถูกสุขอนามัย พร้อมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวจัดทำสวนผักเพื่อการเกษตรเพื่อสร้างแหล่งการเรียนรู้ที่ดีให้กับน้องๆ  โดยในปี 2567 ทางบริษัทฯและพันธมิตร ร่วมพัฒนาโรงเรียนที่อยู่ในระแวกโครงการก่อสร้าง ทั้งสิ้น จำนวน 2 โรงเรียน ได้แก่ 

  1. โรงเรียนเทศบาลมาบตาพุด  จ.ระยอง 
  2. โรงเรียนวัดราษฎร์โพธิ์ทอง จ.สมุทรปราการ 

โครงการ ORIGIN GIVE ช่วยเหลือสังคม

ออริจิ้นร่วมกับ 22 บริษัทพันธมิตร สร้างห้องน้ำใหม่จำนวน 15 ห้อง เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ประชาชนทุกผู้ทุกวัย ให้แก่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี พร้อมเพิ่มพื้นที่สีเขียวบริเวณวัดให้สวยงาม สะอาดตายิ่งขึ้น โดยการออกแบบห้องน้ำ ให้ความสำคัญในการออกแบบ 4 ด้านด้วยกัน คือ 1.ด้านสุขอนามัยที่ดี และความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน 2.ด้านความสะดวกสบายในการใช้งาน และง่ายต่อการดูแลรักษา 3.เลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 4.ออกแบบสวยงามน่าใช้ และเข้ากับบริบทของพื้นที่ พร้อมกันนี้ยังได้มอบเงินบริจาคจำนวน 5,000,000 บาท พร้อมทั้งบริจาคสิ่งของ เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนภารกิจของทางวัดพระบาทน้ำพุในการดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์ เด็กกำพร้า เด็กป่วย ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบางที่อยู่ในการดูแลของวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 1,500 คน โดยมี พระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เป็นผู้รับมอบ