หากลองหลับตา นึกภาพ และวาดฝันถึงที่พักอาศัยในดวงใจ ที่พักอาศัยที่น่าอยู่ในความหมายของทุกคนเป็นแบบไหนกันบ้าง?
เรียบหรู สะดวกสบาย แตกต่าง และออกแบบอย่างเข้าใจ – เชื่อว่าหนึ่งในนี้น่าจะตรงกับเช็กลิสต์ในใจไม่มากก็น้อย แต่ถ้าเราบอกว่า Park Origin โครงการคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองที่อยากให้ทุกคนกลับมารักกรุงเทพฯ อีกครั้งตอบโจทย์ทุกข้อนั้นได้ล่ะ ทุกคนจะเชื่อไหม
เพราะสำหรับ Park Origin แล้ว ความน่าอยู่ของที่พักอาศัยนั้นสะท้อนผ่าน 3 แกนหลักด้วยกัน ข้อแรก–ที่พักอาศัยที่มีเทคโนโลยีพร้อมสรรพ ข้อสอง–ที่พักอาศัยที่เป็นส่วนตัวแต่ก็ไม่ทิ้งความเป็นคอมมูนิตี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกคน และข้อสาม–ที่พักอาศัยที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนหลัก ‘Human Centric Design’ ที่ทีม Park Origin ออกแบบทุกรายละเอียดจากหัวใจ โดยผ่านการรีเสิร์จความต้องการทุกมิติ และคิดเผื่อผู้อยู่อาศัยเสมอ
เมื่อผสานรวมกับ 5 ทำเลสำคัญอย่าง ทองหล่อ พร้อมพงษ์ พญาไท จุฬา-สามย่าน และราชเทวี ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพชั้นในที่เชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะหลายสาย อยู่ท่ามกลางห้างสรรพสินค้าและย่านเศรษฐกิจใหม่มากมาย เราเชื่อว่าทุกคนที่ได้สัมผัสงานออกแบบจากหลักคิดเหล่านี้ จะกลับมาตกหลุมรักการใช้ชีวิต และอยู่อาศัยในเมืองหลวงของไทยอย่างกรุงเทพฯ ได้อีกครั้ง
“เรายังใส่ใจในหลัก empathy หรือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพื่อให้งานออกแบบทั้งในเชิงความสวยงามและฟังก์ชั่นตอบโจทย์ความต้องการในหัวใจลูกค้าได้จริงๆ” คุณตุ๋น–สมสกุล แสงสุวรรณ Chief Design Officer & Chief People Officer (CDO, CPO) ของ ORIGIN อธิบายหลักคิดสำคัญของ ‘การออกแบบ Park Origin’
ว่าแต่ความเข้าใจใน ‘Empathy’ ในแต่ละโครงการนั้นแตกต่างกันยังไง คุณตุ๋นขอพาทุกคนไปลัดเลาะ ใช้ใจฟัง The Heart of Design ของโครงการ ผ่านเรื่องราวเบื้องหลังกันเลย
1. พื้นที่ 3 อาคาร เพิ่มความเป็นส่วนตัว
Park Origin Thonglor เป็นคอนโดมิเนียมที่แบ่งออกเป็น 3 อาคารด้วยกัน เพื่อให้แต่ละชั้นอยู่อาศัยได้อย่างไม่อึดอัด ทั้งยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้มากขึ้นไปอีก เพราะแต่ละห้องในบางอาคารนั้นไม่มีห้องตรงข้าม
แต่ละอาคารยังออกแบบด้วยคอนเซปต์ที่แตกต่างกัน ตั้งต้นว่าแบรนด์ Park Origin นั้นให้ความสำคัญกับการเป็น Park หรือสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว ซึ่งสวนสาธารณะตามประเทศต่างๆ มักประกอบด้วยงานประติมากรรม (sculpture) ทะเลสาบ (lake) และต้นไม้ใบหญ้า (tree)
เป็นเหตุผลให้ทั้ง 3 อาคาร มีคอนเซปต์การออกแบบไปตามชื่อที่ว่า เช่น อาคาร sculpture ก็มักมีลวดลายต่างๆ ที่มีเหลี่ยมมุมดูสนุกสนาน อาคาร lake ก็มีเส้นสายที่พริ้วไหว แฝงความขี้เล่น และอาคาร tree ก็อัดแน่นด้วยองค์ประกอบที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
ความแตกต่างทั้งหมดนี้ไม่ได้สะท้อนผ่านงานออกแบบเท่านั้น แต่ยังลงลึกถึงการออกแบบความรู้สึกของผู้ใช้งานและ Facility ที่เราจะเล่าต่อไปนี้!
2. Facility อัดแน่นและหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
อย่างที่บอกว่าคอนเซปต์ของแต่ละอาคารที่แตกต่างกันย่อมส่งผลให้การออกแบบ Facility ของแต่ละอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วย Park Origin Thonglor จึงถือเป็นคอนโดมิเนียมที่มี Facility หลากหลายที่สุดในย่านแห่งแสงสี
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือสระว่ายน้ำของแต่ละอาคารออกแบบมาสำหรับจุดประสงค์และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ถ้าเป็นสระว่ายน้ำของอาคาร sculpture เราก็จะได้พบกับสระว่ายน้ำที่รูปทรงเรียบนิ่ง เหมาะกับการเป็นสระว่ายน้ำในวันพักผ่อน ด้านบนของสระว่ายน้ำยังมีคริสตัลบ็อกซ์ที่ยื่นออกจากอาคาร เปิดรับวิวที่งดงามของทองหล่อได้ทั้งยามกลางวันและกลางคืน
แต่ถ้าวันไหนลูกบ้านอยากสังสรรค์กับเพื่อนๆ ก็ไปใช้ pool bar สระว่ายน้ำขนาดเล็กที่เหมาะกับการปาร์ตี้ที่อาคาร lake ได้ ส่วนถ้าอยากออกกำลังกายจริงจัง สระว่ายน้ำขนาด half olympic ที่อาคาร tree ก็ตอบโจทย์ทุกคน
สิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า Park Origin ออกแบบอย่างใส่ใจจริงๆ คือทั้ง 3 อาคารยังมี Sky Bridge ที่เชื่อมต่อ Facility ถึงกัน ลูกบ้านเดินจากอาคารที่พักอาศัยไปพักผ่อนตามอารมณ์ในแต่ละวันยังอาคารต่างๆ ได้เลย
3. ยอดอาคารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเปลือกไม้
ไม่ใช่แค่ภายในเท่านั้นที่อัดแน่นด้วยรายละเอียดและความใส่ใจ แต่ดีไซน์ภายนอกก็ซ่อนความหมายดีๆ และรูปทรงที่โดดเด่นไม่แพ้กัน
หากมองจากชั้นล่างไปยังชั้นบน เราจะสะดุดตากับ facade หรือเปลือกอาคารทรงเปลือกไม้ที่ค่อยๆ เผยออกให้เห็น facility ที่หลากหลายและการตกแต่งที่แตกต่าง ไอเดียที่ว่าไม่เพียงทำให้อาคารโดดเด่นดูทันสมัย แต่ยังเป็นการเปรียบเปลือกไม้ที่แตกออกจากแกนต้น ว่าคือชีวิตของลูกบ้านทุกคนที่ต่างเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน
เมื่อต่างอายุ ไลฟ์สไตล์ก็ย่อมแตกต่าง ความชอบก็อาจเปลี่ยนไป จึงเป็นที่มาว่าทำไม Park Origin Thonglor จึงต้องแฝงไปด้วยความหลากหลายเพื่อให้ลูกบ้านผสมผสานไลฟ์สไตล์ในแต่ละวันได้นั่นเอง
4. ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 30 กว่าตารางเมตร จากอินไซต์ที่เข้าใจผู้อยู่อาศัย
คอนโดมิเนียมในย่านนี้มักออกแบบห้องพักที่มีขนาดใหญ่ถึง 50-60 ตารางเมตร ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์ลูกบ้านที่ต้องการ ‘บ้านหลังที่สอง’ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใหญ่มาก เพียงแต่ต้องการความสะดวกสบายในย่านทองหล่อที่เต็มไปด้วยแสงสี
เพราะเข้าใจอินไซต์นั้นดี Park Origin Thonglor จึงมีขนาดห้องเริ่มต้นที่ 30 กว่าตารางเมตรขึ้นไป ขณะเดียวกันก็มีห้องไทป์อื่นให้เลือกสรรด้วย ที่นี่จึงตอบโจทย์ทุกคนที่รักแสงสีทองหล่อทั้งในย่านกลางวันและกลางคืนได้
5. ต้นจามจุรีอายุ 70 ปี คุณปู่ต้นไม้ประจำ Park Origin Thonglor
หนึ่งในเสาหลักสำคัญของ Park Origin ทุกแห่งคือการออกแบบที่คำนึงถึงพื้นที่สีเขียว กับ Park Origin Thonglor ก็เช่นกัน เพราะเข้าใจดีว่าต้นไม้ที่แข็งแรงมั่นคงคือต้นไม้ที่เติบใหญ่ในพื้นที่ หาใช่ต้นไม้ที่ล้อมจากที่อื่นเพื่อมาลงดินที่นี่
เมื่อทีมออกแบบเห็นคุณปู่จามจุรีตั้งตระหง่านตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาสำรวจ ก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องเก็บคุณปู่ไว้ให้ได้ ไม่เพียงเก็บต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุยืนยาว แต่คือการเก็บเรื่องราวของพื้นที่ไว้ให้ลูกบ้านทุกคนได้สัมผัส
นอกจากคุณปู่ต้นนี้แล้ว ที่นี่ยังตั้งใจออกแบบอาคารแนวเฉียงเพื่อหลบหลีกและล้อไปกับคลองเป้งและต้นไม้รอบข้าง เพื่อเก็บความร่มเย็นไว้ที่ใจกลางทองหล่อแห่งนี้
ชมเบื้องหลังการออกแบบภูมิทัศน์ ได้ที่นี่
1. Urban Park ใจกลางสุขุมวิท
หากใครเคยเดินเข้าไปยัง Park Origin Promphong เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ทุกคนคงรู้สึกได้คือความสงบ ร่มเย็น และความสบายตา เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน เราจะเห็นพื้นที่สีเขียวน้อยใหญ่กระจายตัวไปตามส่วนต่างๆ ของโครงการ
พื้นที่สีเขียวทั้งหมดนั้นรวมๆ กันแล้วได้พื้นที่มากกว่า 10 ไร่ ส่วนพื้นที่อาคารมีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น ทำให้ Park Origin Promphong แทบจะกลายเป็นโอเอซิสที่ดีต่อการมาหย่อนใจ ไม่น้อยหน้าไปกว่าสวนสาธารณะขนาดใหญ่รอบข้างเลย
2. Playground ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว
พื้นที่โครงการ Park Origin Promphong ตั้งอยู่ใจกลางสุขุมวิทที่ซึ่งเต็มไปด้วยครอบครัวชาวไทยและชาวต่างชาติ ความเข้าใจกลุ่มลูกค้าตรงนี้เองที่ทำให้นอกจากจะมีสวนจำนวนมากในโครงการ บางสวนก็ยังมีสนามเด็กเล่นที่แทรกตัวอยู่ด้วย
ทั้งสนามเด็กเล่นที่มีแทรมโพลีนติดพื้นชวนให้เจ้าตัวน้อยมากระโดดโลดเต้น เนินสีเขียวเล็กใหญ่สลับไปมาที่รองรับแรงกระแทกได้ จะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็มาวิ่งออกกำลังกายกันสนุกสนาน
3. ดีไซน์เรียบหรูและสงบนิ่ง
นอกจากพื้นที่สวนและสนามเด็กเล่นที่ออกแบบอย่างเข้าใจทาร์เก็ตแล้ว การออกแบบอาคารที่พักอาศัยโดยรวมยังคำนึงถึงความอบอุ่นของครอบครัวด้วย
ไม่ว่าจะเป็นอาคารทรงเพรียวสูงที่ออกแบบอย่างเรียบหรู ล็อบบี้ที่สูงกว่า 10 เมตรคล้ายทางเดินในวิหาร ให้ความรู้สึกอบอุ่น ฟิตเนสที่เลือกใช้ผนังลายไม้ ไม่ฉูดฉาดแสบตา หรือจะเป็นขนาดห้องพักที่มีขนาดเริ่มต้นใหญ่กว่าโครงการอื่นๆ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าครอบครัว
1. คอนเซ็ปต์ ‘ภูเขากลางเมือง’ เพิ่มพื้นที่สีเขียวและตอกย้ำเรื่อง health&wellness
ถ้าไล่ดูคอนโดมิเนียมในบริเวณพญาไท เชื่อว่าถ้ามองจากภายนอกอาคารแล้ว Park Origin Phayathai จะต้องเตะตาต้องใจใครหลายคนตั้งแต่แรกเห็น ด้วยรูปทรงแบบลดหลั่นตามชั้น และต้นไม้ใบหญ้าที่ปกคลุมส่วนต่างๆ ให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย
ทั้งหมดที่ว่ามาเป็นภาพจำลองของคอนเซ็ปต์ ‘ภูเขากลางเมือง’ ที่แต่ดั้งเดิม อาคารที่ลดหลั่นดังที่เห็นนั้นเกิดขึ้นด้วยข้อจำกัดทางกฎหมายควบคุมอาคาร แต่ด้วยความเข้าใจอินไซต์และความคิดสร้างสรรค์ที่ Park Origin มี จึงเลือกดัดแปลงพื้นที่บริเวณบันไดหนีไฟเป็น vertical garden หรือสวนแนวตั้งที่กระจายไปตามชั้นต่างๆ จำลองการปีนขึ้นสู่ยอดเขาไปตามเบสแคมป์ของนักปีนทั้งหลาย
จากด้านล่างสู่ด้านบน มีขั้นบันไดราว 1,500 ขั้น แต่ละชั้นมีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกัน เช่น ชั้นที่ 12 คือ Cascade Pool หรือสระว่ายน้ำที่ออกแบบมาในแนวคิดน้ำตก เมื่อเดินขึ้นไปยังชั้น 15 จะพบกับ Healing Terrace หรือพื้นที่พักผ่อนที่เต็มไปด้วยดอกไม้และสมุนไพร และชั้น 18 อย่าง The Tree Cabin ที่คล้ายกับบ้านต้นไม้ผสมผสานกับ Pavilion
นอกจากได้เดินชมธรรมชาติ ยังได้สุขภาพที่ดีเพราะเดินเชื่อมต่อกันได้ แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะหากเดินเข้าจากชั้นไหน ก็จำเป็นต้องเดินลงกลับไปที่ชั้นนั้นๆ ถ้าใครคิดว่าฟิตปั๋ง เราอยากชวนเดินตั้งแต่ชั้นล่างสู่ชั้นบน!
2. ล็อบบี้ 2 ฝั่ง ตอบโจทย์ความสะดวกและความเป็นส่วนตัว
เพราะกลุ่มลูกค้าที่ Park Origin คิดว่าน่าจะเป็นลูกบ้าน คือ นักเดินทาง ข้าราชการ บุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากเป็นบริเวณเชื่อมต่อกับขนส่งสาธารณะหลากหลายสาย ที่นี่จึงออกแบบเป็น Double Lobby
ประกอบด้วย Grand Lobby ที่เดินเข้าออกและใช้งานได้สะดวกสบาย และมี Private Lobby เพื่อความเป็นส่วนตัว เรียกว่าเดินเข้าไปปุ๊บก็ตรงขึ้นไปยังชั้นห้องพักได้ทันที ถือเป็นการออกแบบที่เข้าใจความต้องการของลูกบ้านที่สุด
3. ความเป็นส่วนตัวที่ไม่ทิ้งคอมมูนิตี้
หนึ่งใน 3 แกนหลักของ Park Origin คือความเป็นคอมมูนิตี้เพราะเชื่อว่าแม้เราต่างก็ต้องการความเป็นส่วนตัวและความสงบ แต่มนุษย์ก็เป็นสัตว์สังคมที่ต้องอยู่ร่วมกัน ส่วนต่างๆ ของอาคารจึงออกแบบมาอย่างเข้าใจอินไซต์ตรงนี้
โดยเฉพาะ co-working space ในอาคาร ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด ‘private in public’ ที่จะมีพื้นที่ทำงานขนาดเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ตามพื้นที่ทำงานขนาดใหญ่ เพื่อให้เรายังอยู่กับตัวเองได้ แต่ก็เห็นผู้คนที่รายล้อมเราอยู่ด้วย ชวนให้อุ่นใจและสงบในเวลาเดียวกัน
นอกจากนั้น ความเป็นคอมมูนิตี้ยังสะท้อนผ่านอาคารรอบข้างอย่างโปรเจกต์ Mixed-use ต่างๆ ร้านอาหารแบรนด์ชั้นนำและโรงแรมในเครือ Intercontinental Hotel Group ที่ลูกบ้านเข้าไปใช้บริการได้
1. ยอดอาคารทรงรวงข้าวและเส้นสายของธรรมชาติ
สิ่งที่สะดุดตาที่สุดของ Park Origin Chula-Samyarn คือยอดอาคารทรงเมล็ดข้าว ที่สะท้อนถึงความเป็นย่านการศึกษาได้ดี
เพราะเมื่อเราหว่านเมล็ดข้าวลงที่ไหน หากได้รับน้ำและแสงอาทิตย์เพียงพอ เมล็ดข้าวแต่ละเมล็ดก็จะงอกงามเติบโตต่อไป เช่นเดียวกับเยาวชนในย่านนั้นซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่ Park Origin ตั้งไว้และพยายามออกแบบทุกรายละเอียดให้ตอบโจทย์
นอกจากลักษณะอาคารด้านนอกแล้ว Park Origin ยังเลือกใช้เส้นสายโค้งมนดูเป็นธรรมชาติที่พลิ้วไหวในส่วนต่างๆ ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ลืมความเครียดจากการเรียนและการงานได้เป็นปลิดทิ้ง
2. ห้องพักแบบ Duo Space แห่งเดียวในย่าน
ถ้าจะบอกว่า Park Origin Chula-Samyarn เป็นที่พักอาศัยที่แตกต่างและโดดเด่นที่สุดในย่านก็ไม่ผิดอะไร โดยเฉพาะห้องพักอาศัยที่ออกแบบในลักษณะ Duo Spcae สูง 4.25 เมตร ซึ่งเป็นแพลนที่แทบไม่มีในย่านนั้น
นอกจากให้ความรู้สึกพิเศษแล้ว ความสูงขนาด 4.25 เมตรยังทำให้ลูกบ้านทุกคนได้เห็นวิวในย่านที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดอย่างสามย่านที่มีทั้งความทันสมัย ความเป็นท้องถิ่น และประวัติศาสตร์
3. เหลี่ยมมุมห้องพัก ที่ได้ไอเดียจากการบินโดรนดูวิว
นอกจากห้องที่สูงโปร่ง หลายๆ ห้องยังมีเหลี่ยมมุมที่น่าสนใจ ที่เป็นแบบนี้ เพราะทีมออกแบบจริงจังกับทัศนียภาพของเมืองอย่างมาก จึงบินโดรนในพื้นที่และตัดสินใจออกแบบหลายๆ ห้องให้ยื่นออกจากอาคารและมีเหลี่ยมมุมที่แตกต่าง เพื่อให้ผู้พักอาศัยเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา วิวคุ้งน้ำบางกระเจ้า เห็นสะพานข้ามแม่น้ำที่ทอดยาว ฯลฯ มากขึ้นนั่นเอง
4. co-working space ท่ามกลางวิวกรุงเทพฯ ทั้งโหมดจริงจังและโหมดผ่อนคลาย
ด้วยกลุ่มลูกบ้านที่น่าจะเป็นนักศึกษาและนักเรียน การออกแบบ Park Origin จึงตั้งใจสร้าง co-working space ไว้หลายส่วน ทั้งห้องทำงานที่จริงจังสำหรับคนที่ต้องการใช้สมาธิ และห้องประชุมที่ชวนเพื่อนๆ มาออกไอเดียกันได้อย่างออกรส
แต่ถ้าอยากสังสรรค์หรือคุยงาน ติวข้อสอบกันแบบผ่อนคล้าย ก็สามารถขึ้นไปใช้งาน The Crown Garden Atrium ด้านบนสุด ซึ่งเป็นสวนแบบปิดที่มองเห็นวิวรอบๆ ได้ถึง 360 องศา เรียกว่าในอาคารเดียวก็ตอบโจทย์ได้หลากหลายอารมณ์และการใช้งานในแต่ละวัน
5. The Hidden Cave ทางเดินที่ดึงธรรมชาติภายนอกสู่ภายใน เพิ่มความสะดวกและความเป็นส่วนตัว
ความพิเศษของ Park Origin Chula-Samyarn ยังไม่หมดแค่นั้น!
เชื่อว่าถ้าใครได้เดินชมโครงการด้วยตัวเอง จะต้องโดนตกตั้งแต่ทางเข้า เพราะที่นี่ออกแบบให้มีทางเดินเข้า 2 แบบ คือทางเดินด้านบน และทางเดินลอดถนนในโครงการอย่าง The Hidden Cave ที่นอกจากจะเป็นการดึงธรรมชาติเข้าสู่ภายในอาคารแล้ว เรายังได้ความเป็นส่วนตัวอีกด้วย
1. ไอเดียบ้าน ‘คหบดี’
แม้ถัดจาก Park Origin Chula-Samyarn ไม่มาก แต่ลูกบ้านของ Park Origin Rachathewi นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
คนที่อาศัยอยู่แถวราชเทวีนั้นเป็นกลุ่มข้าราชการ คนวัยทำงาน และเจ้าของกิจการมากกว่า บวกกับไม่ใกล้ไม่ไกลจากบริเวณนั้นยังมีอาคารอนุรักษ์ของธนาคารไทยพาณิชย์อยู่ด้วย ไอเดียการออกแบบ Park Origin Rachathewi ทั้งในเชิงแลนด์สเคปและรูปทรงอาคารจึงมาจาก ‘บ้านคหบดี’
ความเป็นบ้านคหบดีที่ว่าสะท้อนผ่านการวางแนวสวนขนาดใหญ่ไว้ด้านหน้าอาคาร ให้ความรู้สึกกว้างใหญ่และสบายตา ตัวอาคารยังเป็นอาคารทรงสูงที่มีเส้นนำสายตาจากด้านล่างสู่ด้านบน คล้ายกับเส้นสายของมงกุฎนั่นเอง
ส่วนล็อบบี้ด้านในรวมถึงการตกแต่งในส่วนต่างๆ ยังสมมาตรกัน แม้จะดูมีสีสันน้อยกว่า Park Origin Chula-Samyarn แต่ก็แฝงความเรียบหรูอยู่ในนั้น
2. สระว่ายน้ำที่มองเห็นวิว 270 องศา
Park Origin Rachathewi ถือเป็นตึกสุดท้ายที่สูงที่สุดในย่านนั้น อาคารที่พักอาศัยแห่งนี้จึงได้วิวดี ไม่มีอะไรบดบัง
ทุกๆ ส่วนของอาคารจึงออกแบบมาให้เปิดรับวิวอันงดงามของกรุงเทพมหานคร ให้มากที่สุด โดยเฉพาะ Endless pool หรือสระว่ายน้ำด้านบนที่เปิดรับวิวได้มากถึง 270 องศา นอกจากจะได้เห็นวิวเมืองแล้วก็ยังได้เห็นวิวธรรมชาติอีกด้วย
ความรู้สึกเหนื่อยๆ หนักๆ จากการทำงานย่อมผ่อนคลายลงในพริบตาที่เส้นขอบฟ้าและผืนน้ำจรดกัน
3. Sunset Amphithetre จุดชุมวิวที่ทำให้ตกหลุมรักกรุงเทพอีกครั้ง
นอกจากสระว่ายน้ำที่เปิดรับวิวแล้ว ไฮไลต์ของที่นี่อีกอย่างยังมี Sunset Amphithetre จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ทอดยาวไปถึงบริเวณสนามม้าเก่าและอาคารรัฐสภา ถือเป็นจุดไฮไลต์ที่เชื่อว่าไม่ว่ามครที่ได้พบเห็นก็ต้องตกหลุมรัก Park Origin เข้าอย่างจัง
4. ลานจอดรถแบบ Auto-park ทั้งหมด
ด้วยลูกบ้านส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานซึ่งน่าจะขับรถยนต์ส่วนตัวมากกว่าใช้ขนส่งสาธารณะ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพื่อช่วยลดความเหนื่อยล้าของวันนั้นๆ Park Origin Rachathewi จึงออกแบบให้ลานจอดรถทั้งอาคารเป็นแบบ Auto-parking ซึ่งแทบจะเป็นคอนโดมิเนียมแห่งเดียวในย่านนั้นที่ใช้ระบบนี้ทั้งหมด
